พาณิชย์จี้ก้นอคส. ฟ้องแพ่งจำนำข้าว ก่อนคดีหมดอายุความ ผอ.รับประกันทันแน่

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

พาณิชย์จี้ก้นอคส. ฟ้องแพ่งจำนำข้าว ก่อนคดีหมดอายุความ ผอ.รับประกันทันแน่

Date Time: 16 ก.ค. 2561 05:10 น.

Summary

  • “พาณิชย์” เต้นไล่บี้ “อคส.” รีบฟ้องแพ่งคู่สัญญาคดีโกงจำนำข้าวปี 54-57 รวม 244 สัญญา หลัง “วิษณุ” จี้ต้องส่งฟ้องให้ทันภายในสิ้นปีนี้ หวั่นคดีหมดอายุความ “ผอ.อคส.” ลั่นตั้งคณะกรรมการดำเนินการ

Latest

ทอท. ลงทุนเต็มพิกัด 10 ปี 2 แสนล้านบาท เที่ยวบินอินเตอร์ฟื้นตัวเกิน 100%


“พาณิชย์” เต้นไล่บี้ “อคส.” รีบฟ้องแพ่งคู่สัญญาคดีโกงจำนำข้าวปี 54-57 รวม 244 สัญญา หลัง “วิษณุ” จี้ต้องส่งฟ้องให้ทันภายในสิ้นปีนี้ หวั่นคดีหมดอายุความ “ผอ.อคส.” ลั่น ตั้งคณะกรรมการดำเนินการแล้ว เริ่มรายงานข้อมูลให้ รมว.พาณิชย์ไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.ย. ยันฟ้องทันเดดไลน์แน่นอน แต่วงในแฉ บางคดีอัยการไม่ส่งฟ้อง เหตุหลักฐานอ่อน อคส.ต้องนำกลับไปรวบรวมหลักฐานยื่นฟ้องใหม่

กรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เร่งฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อรักษาประโยชน์ของรัฐและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับส่วนราชการ โดยต้องส่งให้ อัยการฟ้องให้ทันภายในเดือนธันวาคม 2561 ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เผยว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งรัดผู้อำนวยการ อคส.ไปแล้ว ให้เร่งดำเนิน การส่งฟ้องทางแพ่งให้ทันก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ และให้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการทุกๆ 15 วัน

ด้าน พ.อ. (พิเศษ) ดิเรก ดีประเสริฐ รองประธาน คณะกรรมการ (บอร์ด) อคส.กล่าวว่า ที่ผ่านมาบอร์ดเร่งรัดให้ผู้อำนวยการ อคส.ดำเนินการกับคดีค้างเก่าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเร่งดำเนินคดีคู่สัญญาของ อคส.ที่ทำให้รัฐเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวจำนวนมากช่วงที่ผ่านมา จึงต้องดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด นอกจากนี้ยังกำชับให้พิจารณาคืนหลักประกันสัญญาประเภทหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคาร หรือสถาบันการเงินให้คู่สัญญาในโครงการรับจำนำข้าว และสินค้าอื่นๆที่หมดภาระกับ อคส.กว่า 1,751 ฉบับ มูลค่ากว่า 7,728 ล้านบาท ในจำนวนนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดี 1,317 ฉบับ มูลค่าราว 4,973 ล้านบาท และยังมีในส่วนที่คู่สัญญาผิดสัญญาอยู่ระหว่างเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายและปรับอีก 326 ฉบับ มูลค่า 1,607 ล้านบาท ในส่วนสัญญาที่อยู่ในขั้นตอนดำเนินคดีและคู่สัญญาทำผิดสัญญา หากดำเนินการแล้วเสร็จรัฐจะได้เงินกลับคลังไม่น้อยกว่า 6,580 ล้านบาท

“สัญญาทั้งหมด 1,751 สัญญา ยังไม่นับรวมกับคู่สัญญาที่จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติม ทั้งในส่วนโครงการเก่าและโครงการใหม่ มอบหมายให้ผู้อำนวยการ อคส.ตรวจสอบและเร่งดำเนินการ ให้คำนึงถึงการปกป้องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรัฐ ผมย้ำเป็นพิเศษในเรื่องนี้ เพราะโครงการที่รัฐนำงบประมาณเข้าไปแทรกแซงราคาสินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรมีมูลค่าสูงกว่าแสนล้านบาท และ อคส.เป็นหน่วยงานหลักที่เป็นผู้ปฏิบัติในแต่ละโครงการ จึงไม่สามารถเพิกเฉยได้” พ.อ. (พิเศษ) ดิเรกกล่าว
ส่วนนางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ ผู้อำนวยการ อคส.กล่าวว่า สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ อัยการ สำนักงานนโยบายรัฐ และสำนักกฎหมายของ อคส. เพื่อเร่งรัดดำเนินคดีโครงการรับจำนำข้าว และสินค้าอื่นๆที่ยังไม่ได้ดำเนินการและที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อให้ทันระยะเวลาของอายุความแต่ละคดี ให้รายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ได้เริ่มรายงานให้ รมว.พาณิชย์ทราบแล้วตั้งแต่เดือน เม.ย.61

“ล่าสุดมีคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 54-57 จะต้องเร่งดำเนินการ 244 สัญญาแต่มูลค่าความเสียหายไม่ชัดเจน สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งส่งอัยการดำเนินการฟ้องร้องทางแพ่งภายในเดือน ก.ย.61 ส่วนการฟ้องทางอาญาทั้ง 244 คดีนี้ส่งฟ้องไปก่อนหน้านี้แล้ว ยืนยันว่าส่งฟ้องทางแพ่งทันเส้นตายที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดภายในเดือน ธ.ค.61 แน่นอน ส่วนคดีอื่นๆนอกเหนือจากนี้ ให้เร่งส่งฟ้องทางแพ่งก่อนหมดอายุความ” นางอินทิรากล่าว

ผอ.อคส.กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีคดีใดหมดอายุความ ขณะที่บางคดีอัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะ อคส.ทำพยานหลักฐานอ่อนนั้น ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน สาเหตุที่อัยการไม่ฟ้องเพราะ อคส.ส่งฟ้องผิดคลัง เช่น คู่สัญญาที่เก็บข้าวรัฐในบางคลังทำผิดสัญญา แต่ อคส.กลับส่งฟ้องคลังที่ไม่ผิดสัญญา อัยการจึงไม่สั่งฟ้อง แต่ อคส.ทำพยานหลักฐานใหม่และจะส่งฟ้องอีกครั้งแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีคดีที่เกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 54-57 ที่ อคส.จะต้องเร่งส่งฟ้องทางแพ่งรวม 882 คดี 244 สัญญา เพราะคู่สัญญากับ อคส. ทั้งเจ้าของคลังสินค้าที่รัฐเช่าเพื่อฝากเก็บข้าวในโครงการรับจำนำ โรงสี หรือผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) ทำผิดสัญญา เช่น ข้าวหายไปจากโกดัง เป็นต้น หลังจากส่งฟ้องทางอาญาฐานลักทรัพย์ ฉ้อโกง หรือยักยอกทรัพย์ไปแล้ว ยังต้องส่งฟ้องทางแพ่งเพื่อให้คู่สัญญาชดใช้ความเสียหายให้รัฐ ทั้ง 882 คดีจะหมดอายุความทางแพ่งตั้งแต่เดือน ธ.ค.61-ก.ค.62 คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นกว่า 100,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีคดีที่เกิดขึ้นในโครงการแทรกแซง ราคาสินค้าเกษตรอื่นๆตั้งแต่ปี 48-57 เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง หอมแดง กุ้งขาวแวนนาไม ที่ อคส.จะต้องส่งฟ้องทางแพ่งเช่นกัน และบางคดีหมดอายุความไปแล้ว ขณะเดียวกันยังมีบางคดีที่อคส.ส่งฟ้องไปแล้ว แต่อัยการไม่สั่งฟ้องเพราะหลักฐานอ่อน ส่งผลให้ อคส.ไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่สัญญาได้คิดเป็นมูลค่ามหาศาล


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ