หากพูดถึง “เมืองไทย” ในสายตาคนต่างชาติก็จะถึงนึกสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ความมีไมตรียิ้มแย้มของคนไทย และที่ขาดไม่ได้ คือเรื่องของอาหารไทย ผักและผลไม้ ที่รสชาติแสนจะอร่อยเลิศล้ำ
แน่นอนที่เมืองไทยมีเสน่ห์เช่นนี้ธรรมชาติได้สรรค์สร้างไว้ให้ โดยเฉพาะความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดิน ที่ปลูกผักและผลไม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีชื่อเสียงโด่งดังถึงต่างประเทศ
Business On My Way สัปดาห์นี้ขอพาไปรู้จักอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดให้ผลไม้ของไทยมีมูลค่าเพิ่ม กับ “โรงงานเกรียงไกรผลไม้” โรงงานแปรรูปผลไม้ที่มี ชื่อเสียงใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ดำเนินกิจการมาแล้ว 36 ปี ที่วันนี้บริหารงานโดย “คุณตุ้ย” (เนรมิต สร้างเอี่ยม) ซึ่งหลายๆคนคงคุ้นชื่อคุ้นหน้าอยู่บ้าง เพราะเขาผู้นี้เคยเป็นผู้บริหารในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มายาวนาน
คุณตุ้ย เล่าว่า จุดเริ่มต้นที่มาทำโรงงานเกรียงไกรผลไม้ จะเรียกว่าเป็น บุพเพสันนิวาสก็ว่าได้ เพราะส่วนตัวก็ไม่คิดว่าจะได้มาทำจุดนี้ ซึ่งครั้งแรก ที่รู้จักผลิตภัณฑ์แปรรูปจากโรงงานเกรียงไกรผลไม้ ก็ตอนไปเที่ยวเชียงใหม่และแวะตามร้านขายของฝากก็ไปเจอซื้อกลับมาฝากคนที่กรุงเทพฯประจำ กระทั่งซื้อบ่อยจนรู้จักโรงงานและเจ้าของ
“ผมมีความคุ้นเคยกับเชียงใหม่เป็นอย่างดี เพราะเรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์โยธา ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำให้ได้ซึมซับความเป็นเชียงใหม่ มาพอสมควร ซึ่งตอนที่เอนต์ติดไม่อยากไปเรียนที่นั้นเลย แต่พอได้ไปอยู่ กลับรักและรู้สึกผูกพัน ถึงขนาดเรียนจบมีซื้อที่ดินที่เชียงใหม่ไว้ด้วย”
หลังจากเรียนจบก็มุ่งสู่สังคมการทำงาน โดยอยู่ในสายอาชีพที่เรียนมาตลอด ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำงานในบริษัทบริหารงานก่อสร้าง กระทั่งประเทศ ไทยประสบวิกฤตการณ์การเงิน (ต้มยำกุ้ง) ปี 2540 ทำให้โครงการก่อสร้างต่างๆหยุดสร้าง หลายบริษัทต้องปิดตัว โชคดีที่ตอนนั้นผมมีการพัฒนาระบบ ซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการบริหารงานก่อสร้างไปจำหน่ายให้บริษัทพัฒนาอสังหาฯ
จากนั้นก็มีโอกาสกลับมาสู่วงการอสังหาฯอีกครั้ง โดยมีผู้ใหญ่ชวนมาเป็นผู้บริหารบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด ซึ่งก็บริหารอยู่หลายปี กระทั่งถึงจุดหนึ่งที่ยอดขายเริ่มโครงการเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งทางทีมก็มีการเก็บข้อมูล เพื่อหาเหตุผลว่าเกิดจากสาเหตุใด เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขพัฒนาโครงการต่อ
ก็พบเหตุผลว่า ลูกค้ามีเงินไม่พอที่จะซื้อ เนื่องด้วยต้องส่งเงินเดือน ที่ได้บางส่วนกลับไปให้คุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในต่างจังหวัด ที่ส่วนใหญ่ก็จะมีอาชีพทำการเกษตร ซึ่งที่เป็นเช่นนี้เพราะผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ ถูกกดราคา ทำให้ขาดทุนไม่สามารถเลี้ยงตนเองได้
คุณตุ้ย เล่าว่า จากเหตุผลนั้นทำให้ผมรู้สึกว่ารายได้จากภาคเกษตรก็มีผลกระทบมาถึงการซื้อที่อยู่อาศัยเหมือนกัน และเกิดความรู้ว่าสึกว่าทำไมทำการเกษตรแล้วจะรวยอยู่ดีกินดีไม่ได้ จึงตัดสินใจอยากที่จะลองไปหาอะไรที่เกี่ยวกับด้านเกษตรกรรมดู ซึ่งก็เลือกเชียงใหม่เป็นแหล่งที่จะลงมือทำ
“ผมใช้เวลาอยู่ 8 เดือน บินไปบินมาระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพื่อหาซื้อที่ดินเพื่อทำการเกษตรครบวงจรต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และก็เป็นโชคดีที่เวลานั้นโรงงานเกรียงไกรผลไม้ประกาศขายกิจการ ซึ่งผมก็ตัดสินใจไปพูดคุยและขอซื้อกิจการต่อ ซึ่งก็มองว่าโรงงานถือเป็นการ ผลิตแบบกลางน้ำ ซึ่งหากเราบริหารดีๆ ก็จะช่วยเกษตรกรต้นน้ำได้ และพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้เป็นผลิตภัณฑ์ส่งสู่มือผู้บริโภคได้”
คุณตุ้ย เล่าว่า หลังจากที่เข้ามาสานต่อกิจการ ก็เริ่มนำระบบซอฟต์แวร์มาพัฒนาในโรงงาน โดยมีการเก็บข้อมูลลูกค้ามาซื้อบ่อยมากน้อยแค่ไหน เก็บข้อมูลทะเบียนรถลูกค้า เพื่อมา ไว้พัฒนางานด้านบริการแสดงถึงความใส่ใจให้แก่ลูกค้า รวมถึงมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และแพ็กเกจจิ้งรูปแบบใหม่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
“ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลต์ของเราจะเป็นกระเทียมดอง ซึ่งเชียงใหม่จะมีชื่อเสียงในเรื่องกระเทียมอยู่แล้ว ซึ่งก็จะนำมาแปรรูปทั้งเป็นกระเทียมโทนดอง 3 รส กระเทียมโทนดองโสม กระเทียมโทนดองน้ำผึ้ง และที่อยากแนะนำคือ กระเทียมโทนดองไห ที่จะให้รสชาติแบบต้นตำรับกระเทียมจริงๆ นอกจากนี้ยังมีท้อดอง มะนาวดองเปรี้ยวเค็ม รวมถึงกลุ่มผลไม้แปรรูปด้วย มะม่วงแช่อิ่ม มะม่วงอบแห้ง ลำไยอบแห้ง ลูกท้ออบน้ำผึ้ง บ๊วยเค็ม บ๊วยซากุระ ไว้ให้ได้ลิ้มลองรสชาติด้วย”
ปัจจุบันโรงงานมียอดสั่งซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในพื้นที่เป็นจำนวนมาก อาทิ กระเทียม 200 ตันต่อปี บ๊วย 50 ตันต่อปี ลูกท้อ 50 ตันต่อปี รวมถึงกลุ่มผลไม้ตามฤดูกาลอีก 5-10 ตันต่อปี ซึ่งจะเป็นการรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกรโดยตรง และก็มีส่วนที่รับซื้อจากนายหน้าที่เป็นคู่ค้ากับโรงงานมาแต่ดั้งเดิม
คุณตุ้ย เล่าว่า แผนธุรกิจจากนี้จะรุกด้านการตลาดมากขึ้น โดยจะส่งทีมขาย กระจายไปให้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ และขยายให้ครอบคลุมตาม จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศต่อไป ทั้งนี้ ปัจจุบันเรายังมียอดขายหลักจากกลุ่ม โรงงานที่มาซื้อวัตถุดิบของเราไปเป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมอาหารด้วย ซึ่งกว่า 50% เป็นยอดขายจากกลุ่มนี้ ซึ่งเราก็จะรักษาและเพิ่มจำนวนลูกค้าในกลุ่มนี้ด้วย
งานนี้ใครแวะไปเที่ยวเชียงใหม่ หรือจังหวัดทางภาคเหนือ ก็ลองหาซื้อผลิตภัณฑ์จากโรงงานเกรียงไกรผลไม้ติดไม้ติดมือมาชิมกันด้วยนะ จะหาว่าไม่บอก!!!