ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐฯได้รายงานว่าเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยอาร์คันซอส์ (UAR) และมหาวิทยาลัยหลุยส์เซียนา (LSU) ซึ่งเป็นผู้นำด้านการวิจัย และพัฒนาพันธุ์ข้าวของสหรัฐฯ และมูลนิธิวิจัยข้าวแคลิฟอร์เนีย (CCRF) ได้เปิดเผยผลสำเร็จของการคิดค้น และนำเสนอข้าวกลิ่นหอมพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์ คือ ข้าวจัสมิน ARoma17, ข้าวจัสมิน CLJ01, ข้าวจัสมิน Calaroma-201 ที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดข้าวหอมมะลิของไทย เพราะมีความหอมทัดเทียมกับข้าวหอมมะลิไทย และมีราคาต่ำกว่า ที่อาจเป็นภัยคุกคาม ส่งผลกระทบต่อการขยายตลาดข้าวหอมมะลิไทยในอนาคต
สำหรับการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิของสหรัฐฯ นับเป็นครั้งที่ 3 จากก่อนหน้านี้ที่เคยพัฒนาข้าวสายพันธุ์ JAZZMAN จนสำเร็จเมื่อปี 2549 และข้าว JES ในปี 2552 โดยข้าว JAZZMAN สามารถวางขายได้ใน 48 รัฐ และส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ฮ่องกง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ส่วนข้าว JES นำมาวางจำหน่ายในแบรนด์ American Jazmine แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทั้งนี้ สคต. ณ นครชิคาโก ให้ความเห็นว่า ไทยต้องเร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ โดยวางตำแหน่งข้าวไทยเป็นนิช- มาร์เก็ต (ตลาดเฉพาะ) ให้มีความโดดเด่นเหนือคู่แข่ง สร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคเห็นถึงความแตกต่าง เน้นสร้างความเข้มแข็งของข้าวที่เป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) และขยายตลาดสู่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ในสหรัฐฯ เช่น กลุ่มฮิสแปนิค (เชื้อสายสเปน) กลุ่มชาวอเมริกันเจเนเรชันเอ็กซ์และวาย รวมทั้งจัดกิจกรรมทางการตลาดข้าวครบวงจร เน้นกิจกรรมการปรุงอาหารทางทีวี ฯลฯ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าคุณลักษณะของข้าวหอมมะลิ 3 สายพันธุ์ของสหรัฐฯ ในด้านรสชาติ กลิ่นหอม ความนุ่ม จะเหมือนข้าวหอมมะลิไทยหรือไม่ หากด้อยกว่าก็ไม่น่าเป็นห่วง แต่หากใกล้เคียงกัน อาจส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกของไทย และไทยต้องเร่งพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิ เพื่อรักษาคุณภาพโดยเฉพาะกลิ่นหอม เพราะขณะนี้กลิ่นหอมลดลงมากจากการใช่ปุ๋ยเคมีมากเกินไป ฯลฯ
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ได้เห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารสต๊อกรัฐบาล ที่เปิดประมูล 43,700 ตัน ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด 9 ราย ใน 20 คลัง ปริมาณ 43,700 ตัน มูลค่า 534 ล้านบาท.