“สุวิทย์” แจงตั้งกระทรวงใหม่ ควบรวมกระทรวงวิทย์ กับสกอ.และหน่วยงานวิจัย ไว้ด้วยกัน ยันไม่มีการยุบกระทรวงวิทย์ หรือหน่วยงานใดทั้งสิ้น ย้ำจัดองคาพยพใหม่ ตอบโจทย์ ไทยแลนด์ 4.0
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) แถลงในงานสตาร์ทอัพไทยแลนด์ ประจำปี 2561 เรื่อง “กระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา” ว่า ขณะนี้ มีความสับสนกรณีการยุบกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ขอชี้แจงว่า จะไม่มีการยุบกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แต่จะมีการควบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กับสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ.)และหน่วยงานให้ทุนวิจัยของประเทศทั้งหมด อาทิ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เป็นต้น มาเป็นกระทรวงใหม่ เบื้องต้นชื่อกระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา หรืออาจจะเป็นกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและอุดมศึกษา ก็ได้ โดยการควบรวมดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายปฏิรูปประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และปฏิรูปประเทศไทยสู่ 4.0
สำหรับเหตุผลในการควบรวมมี 4 เหตุผล คือ 1.เพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 กระทรวงที่ตั้งขึ้นมาใหม่จะต้องตอบโจทย์อาชีพคนไทยในอนาคตได้ 2.เตรียมผู้ประกอบการสู่ศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะเป็น Startup และ SMEs 3.เตรียมเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ และ 4.ประเทศไทยกำลังเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ (New S-Curve) ซึ่งต้องพัฒนาทั้งกำลังคนและเทคโนโลยี
ขณะเดียวกันที่ผ่านมากระทรวงศึกษาธิการ ต้องการแยก สกอ.ออกจากกระทรวง เพราะต้องการปรับสถานะของมหาวิทยาลัยใหม่ให้มีบทบาทชัดเจนขึ้น ส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯนั้น บทบาทในการขับเคลื่อน Thailand 4.0 ยังไม่ชัดเจน นอกจากนี้ หน่วยงานวิจัยของประเทศอยู่กระจัดกระจายและซ้ำซ้อน ดังนั้น รัฐบาลต้องการจัดองคาพยพใหม่ เพื่อตอบโจทย์ Thailand 4.0
ส่วนโครงสร้างกระทรวงวิจัยและอุดมศึกษา จะมี 4 กลุ่มงาน โดยกลุ่มแรก กลุ่มงานนโยบายและวางแผน งบประมาณ ทุนวิจัย (ทั้งทุนวิจัยทั้งด้านวิทยาศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์) และประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ กลุ่มที่สอง กลุ่มสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย จะใช้รูปแบบคล้ายกับของสาธารณรัฐประชาชนจีน (Chinese Academy of Science) ในกลุ่มนี้ จะมีเรื่องงานวิจัย ดาวเทียม ดาราศาสตร์ นิวเคลียร์ ซินโครตรอน จะมีหน่วยงานอย่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ หรือจิสด้า กลุ่มที่สาม กลุ่มมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย ทั้งวิจัยพื้นฐาน วิจัยสู่อนาคต และวิจัยประยุกต์ ครอบคลุมทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ และกลุ่มที่สี่ กลุ่มมหาวิทยาลัยเชิงพื้นที่ ซึ่งก็คือ มหาวิทยาลัยราชภัฏที่มีทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาตามภูมิสังคมในแต่ละพื้นที่
ทั้งนี้โครงสร้างกระทรวงใหม่จะสามารถตอบโจทย์ของประเทศได้ โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งเร่งให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลนี้
ขณะที่ พ.ร.บ.อุดมศึกษา ซึ่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อตั้งกระทรวงอุดมศึกษานั้น ไม่มีผลกระทบ สามารถนำที่ทำอยู่มาปรับเปลี่ยนและต่อยอดกันได้ ซึ่งขั้นตอนจากนี้จะมีการหารือกับนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อตั้งคณะทำงานการจัดตั้งกระทรวงใหม่ ส่วนการควบรวมกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯกับสำนักงานคณะอุดมศึกษายืนยัน ไม่มีปัญหาตำแหน่งบริหาร เพราะกระทรวงใหม่ น่าจะมีรูปแบบใช้ระบบราชการน้อยมาก ซึ่งจะใช้ระบบการบริหารจัดการสมัยใหม่ ตั้งง่ายยุบง่าย
นอกจากนี้หน่วยงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ไม่น่าจะไปสังกัดกระทรวงอื่น เพราะตามโครงสร้างมีการแบ่งงานกันชัดเจน เพราะกระทรวงใหม่ที่ตั้งขึ้นมองประเทศไทยไปสู่อนาคต โดยใช้วิทยาศาสตร์สร้างชาติ เพราะในประเทศที่เจริญแล้วอย่างญี่ปุ่น ก็มีการนำกระทรวงวิทยาศาสตร์กับกระทรวงศึกษาธิการ รวมกันในยุโรป อย่างสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศสและเยอรมัน ก็มีการตั้งกระทรวงวิจัยและอุดมศึกษาขึ้นมารูปแบบเดียวกับที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการ ยืนยันว่ากระทรวงใหม่จะตอบโจทย์อนาคตของประเทศได้ เป็นการปฏิรูประบบราชการอย่างแท้จริง.