กฟน. จับมือพันธมิตร จัด 2 งานใหญ่ เปิดเวทีแสดงนวัตกรรมด้านแสงสว่างแห่งอนาคต ขานรับนโยบาย 4.0 ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจ...
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงาน LED Expo Thailand 2018 และงาน PCB Expo Thailand 2018 ว่า จากการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาล โดยวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมไปถึงการปฏิรูปประเทศเพื่อพัฒนาไปสู่ประเทศไทย 4.0 ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม จากกลุ่มอุตสาหกรรมดั้งเดิมสู่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่า และความซับซ้อนสูง หรือ New S-Curve ด้วย 5 กลุ่มเทคโนโลยี และนวัตกรรมอันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรวมไปถึงอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ (Robotics) และอุตสาหกรรมดิจิทัล (Digital)
สำหรับการจัดงานดังกล่าวทางการไฟฟ้านครหลวง ได้ร่วมกับเอกชนจัดงานโดยรวบรวมนวัตกรรมทางด้านระบบไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์แอลอีดี รวมไปถึงอุตสาหกรรมแผ่นวงจรพิมพ์ และอิเล็กทรอนิกส์ จากผู้ประกอบการจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมาจัดแสดง อีกทั้งยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ผ่านเวทีสัมมนา และกิจกรรมต่างๆ ตลอดทั้ง 3 วัน ของการจัดงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
ด้าน นายรุจ เหราบัตย์ รองผู้ว่าการธุรกิจและบริการ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ ทางการไฟฟ้านครหลวงได้เข้ามาเป็นเจ้าภาพการจัดงานดังกล่าวเป็นครั้งแรก เนื่องด้วยตระหนักถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน และจากนโยบาย 4.0 ของรัฐบาลที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน
นอกจากนี้ ในฐานะองค์กรชั้นนำผู้รับผิดชอบด้านธุรกิจพลังงานไฟฟ้าในระดับสากล ได้มีความตระหนัก และเตรียมความพร้อมเพื่อการเป็นองค์กรชั้นนำด้านการควบคุมและจัดการระบบจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคตเพื่อตอบสนองนโยบายขับเคลื่อนประเทศของทางรัฐบาล ภายใต้การเป็น “The MetGE (เดอะเมตจ์) : METRO GRID ENABLER ระบบจัดการโครงข่ายไฟฟ้ามหานคร” นวัตกรรมที่ล้ำสมัยในการจัดการ ระบบไฟฟ้าที่มั่นคง มีพัฒนาขึ้น เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และตอบสนองคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนอย่างยั่งยืน เพื่อควบคุมระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ พร้อมรองรับเทคโนโลยีทางด้านพลังงานไฟฟ้าแห่งอนาคต ที่พร้อมให้บริการเชื่อมต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างเพียงพอต่อเนื่องปลอดภัยมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการเดินหน้าดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน ที่มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 214.6 กิโลเมตร กำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2564 เพื่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้า สร้างสภาพแวดล้อมที่สวยงาม ปลอดภัย พร้อมจัดทำแอปพลิเคชัน MEA Smart Life สำหรับการบริการรูปแบบใหม่ผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ให้บริการด้านไฟฟ้า ชำระค่าไฟฟ้าด้วยบัตรเครดิตผ่านแอปพลิเคชัน เป็นอีกช่องทางในการแจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้อง และสามารถตรวจสอบประวัติการใช้ไฟฟ้าย้อนหลัง 6 เดือน รวมถึงฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกมากมาย
ด้านมร.ลอย จุน ฮาว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้จัดงานฯ เปิดเผยว่า ในปีนี้ภายในงานได้รวบรวมไฮไลท์ที่สอดคล้องกับคอนเซ็ป“Future of LED – LED เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” จากบริษัทชั้นนำกว่า 250 บริษัท 10 ประเทศ นำโดยประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน เป็นต้น โดยมีโซนจัดแสดงเทคโนโลยีจอแสดงผล LED ผสานรวมกับเทคโนโลยีสมาร์ท ไลท์ติ้ง และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โซนให้คำปรึกษาอัพเดตข่าวสารโครงการสนับสนุนของภาครัฐบาล โซนแสดงเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์เพื่อการประหยัดพลังงาน โซนจัดแสดงโมเดลสถาปัตยกรรมตัวอย่างที่มีการออกแบบพิเศษด้านระบบแสงและการจัดการพลังงาน โซนสาธิตการประยุกต์ใช้แอลอีดีเพื่อการเกษตร
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีสัมมนาให้ความรู้จากกูรูชั้นนำในอุตสาหกรรม ได้แก่ Thailand LED Summit การสัมมนาให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์แอลอีดี และเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน International LED Summit สัมมนานานาชาติที่ผสานระหว่างการออกแบบแสงสว่างกับระบบอัจฉริยะ เพื่อการออกแบบทั้งภายในและภายนอกอาคาร
สำหรับงาน PCB Expo Thailand 2018 จะจัดแสดงเทคโนโลยีเครื่องจักร Surface Mount Technology (SMT) และกิจกรรมสัมมนาเชิงปฎิบัติการ PCB Technical Conference & Workshop ถ่ายทอดผ่านผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ จากสมาคมสมองกลฝังตัวไทย (TESA) สมาคม JPCA และบริษัท อินโนเวตีฟ เอ็กเพอริเมนต์ จำกัด (INEX) รวมถึงกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจเพื่อส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมแคมเปญ Buyer Program สำหรับกลุ่มผู้ซื้อรายใหญ่ระดับผู้บริหาร หรือผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจากต่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมชมและเลือกซื้อสินค้าและบริการต่างๆ คาดว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมชมงานได้มากกว่า 15,000 ราย
ขณะที่ นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีพันธกิจส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาอุตสาหกรรมการจัดประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และงานแสดงสินค้านานาชาติ หรืออุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการจัดงานไมซ์ชั้นนำในระดับนานาชาติ ทีเส็บมีนโยบายในการใช้งานแสดงสินค้านานาชาติเป็นเครื่องมือช่วยขับเคลื่อนนโยบาย 4.0 ของภาครัฐ และจะให้การสนับสนุนงานแสดงสินค้าใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve ของนโยบายดังกล่าว เพื่อร่วมผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจไทยก้าวไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรมและมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ การสนับสนุนงานดังกล่าว จึงสอดคล้องกับแนวนโยบายของทีเส็บ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรม S-Curve ที่สามารถพัฒนาและต่อยอดในเชิงเทคโนโลยีและนวัตกรรมตามเป้าหมายนโยบาย 4.0 โดยเชื่อมั่นว่าแคมเปญสนับสนุนของทีเส็บ ทั้งแคมเปญ Connect Businesses และแคมเปญ Exhibiz in Market จะช่วยกระตุ้นการเจรจาทางธุรกิจควบคู่ไปกับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมทั้ง 2 แขนง.