นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ว่า ได้หารือถึงสถานการณ์ส่งออกของไทยในปี 2561 ซึ่งเบื้องต้นคาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 6% จากปี 2560 ด้วยมูลค่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกลุ่มสินค้าที่ยังส่งออกได้ดีอยู่ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ น้ำมันสำเร็จรูป ส่วนกลุ่มที่อาจจะชะลอตัว เช่น มันสำปะหลัง ที่มีปัญหาผลผลิตน้อย อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นำผลการประชุมครั้งนี้ไปสรุปผลรวมกับข้อมูลของผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ซึ่งจะประชุมกันในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายการส่งออกอย่างเป็นทางการ แต่เบื้องต้นมองว่า การส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัว 6% ได้
“ส่วนผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่านั้น ภาคเอกชนเสนอให้รัฐบาลรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับเดียวกับภูมิภาค รวมถึงหามาตรการต่างๆช่วยเหลือ โดยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะสรุปมาตรการเสนอรัฐบาลอีกครั้ง โดยจะนำผลสรุปเหล่านี้เสนอต่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้วย”
ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนมองว่าการส่งออกทั้งปี 2561 เติบโตในระดับ 5-6% ภายใต้ค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับ 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของกระทรวง แต่เป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่า และคาดว่า ในไตรมาส 3 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯจะแข็งค่าขึ้นอีก จากการขึ้นดอกเบี้ยเชิงนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งภาคเกษตรของไทยจะได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญสินค้าไทยยังแข่งขันด้านราคากับคู่แข่งอย่างเวียดนามไม่ได้ เพราะเวียดนามค่าเงินแข็งค่าน้อยกว่าไทยมาก เนื่องจากใช้ระบบตะกร้าเงิน ที่ผูกติดกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ.