กองสลากฯ ยันแก้ปัญหาขายลอตเตอรี่เกินราคาดีขึ้น หลังออกมาตรการเลื่อนรับสลากฯ จากกำหนดเดิม 2 วัน ป้องกันขายต่อให้พ่อค้าคนกลาง แจงบทลงโทษ อยู่ระหว่างปรับปรุงร่างก.ม. ย้ำการแก้ไขต้องรอบคอบ ไม่ให้กระทบผู้ค้ารายได้น้อย...
พลตรีฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า ได้ใช้มาตรการเลื่อนวันรับสลากฯ ทั้งระบบตัวแทนจำหน่าย และระบบซื้อ-จองล่วงหน้าฯ ออกไปจากกำหนดเดิม 2 วัน เพื่อลดโอกาสการนำสลากฯ ไปขายต่อให้พ่อค้าคนกลาง และบีบให้มีสลากฯ ใบเดี่ยวขายในแผงมากขึ้น นอกจากนี้ได้กำหนดจำนวนสลากฯ ให้เป็นไปตามความต้องการของตลาดตามจำนวนการทำรายการของผู้ลงทะเบียนในโครงการซื้อ-จองล่วงหน้าสลากฯ โดยพบว่าสถานการณ์การจำหน่ายสลากฯ ตามแผงต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสลากฯ ที่จำหน่ายตามแผงต่างๆ ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 1 พ.ย. พบว่าราคาสลากฯ ใบเดี่ยวในพื้นที่บางแค พุทธมณฑล ย่านสะพานควาย ถนนพหลโยธิน จำหน่ายราคา 80 บาท ส่วนแผงจำหน่ายย่านสนามบินน้ำ และที่ตลาดบางใหญ่ นำสลากฯ ชุดมาจำหน่ายเดี่ยว ราคาใบละ 70 - 80 บาท หรือจำหน่ายเป็นชุด 3 ใบ 200 บาท และชุด 5 ใบ 350 บาท เฉลี่ยใบละ 66-70 บาท ซึ่งการลงพื้นที่ตรวจสอบจะทำต่อเนื่องไป เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เบี่ยงเบนน้อยที่สุดไว้ใช้ประโยชน์
ส่วนประเด็นที่ระบุว่า สลากฯ เกินราคาเกิดจากการที่ผู้ได้รับโควตาสลากฯ นำไปขายต่อให้พ่อค้าคนกลาง เพื่อรวมชุดและนำไปจำหน่ายต่อในราคาแพงนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการกำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับพ่อค้าคนกลาง หรือผู้ที่มีพฤติกรรมที่ทำให้ราคาสลากฯ บิดเบือนไปจากที่ควรจะเป็น สำนักงานฯ จึงได้เสนอประเด็นการกำหนดบทลงโทษผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว ในร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงในปัจจุบัน
ต่อกรณีที่เห็นว่าควรหยุดขายสลากฯ ชั่วคราว แล้วจัดระเบียบใหม่ทั้งหมดนั้น การค้าขายสลากฯ เป็นธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูลทะเบียนตัวแทนจำหน่ายสลากฯ พบว่า ตัวแทนจำหน่ายของสำนักงานฯ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ผู้ด้อยโอกาสและผู้พิการ การหยุดขายสลากฯ จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวแทนจำหน่ายของสำนักงานฯ และผู้ขายสลากฯ ที่ไม่มีโควตาหลายแสนคน การแก้ปัญหาสลากฯ เกินราคา จึงมีความจำเป็นต้องคำนึงถึงทุกมิติ และดำเนินการด้วยรอบคอบ ละมุนละม่อม พร้อมขอยืนยันว่าการจำหน่ายสลากฯ ของสำนักงานฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้.