ก.ล.ต.กล่าวโทษอดีตผู้บริหาร IEC กับพวก 25 คน รวม 9 กรณีต่อดีเอสไอ พบร่วมกันกระทำความผิดโดยทุจริต เบียดบังทรัพย์สิน แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ ทำให้ IEC เสียหาย มูลค่ารวม 200 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารบริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) (IEC-ไออีซี) กับพวกรวม 25 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประกอบด้วย (1) นายภูษณ ปรีย์มาโนช (2) นายชาญไชย เข็มวิเชียร (3) นางสาวพลอยแก้ว ปริศวงศ์ (4) นายมรุพงศ์ ศิริวัฒน์ (5) นายชยกร อัครมาส (6) นายสุนันทร์ ศรีใจพระเจริญ (7) นายสราญ เลิศเจริญวงษา (8) นายสุทิน ใจธรรม (9) นางสาวจารุวรรณ ภูษณะภิบาลคุปต์ (10) นายสุทัศน์ สุขเลิศ (11) นางสาวกรวรรณ สุ่นประเสริฐ (12) นายนิวัฒน์ แม้นอิ่ม (13) นายสุทิน พรหมทอง (14) บริษัท นอร์ท เอ็นไวรอนเมนท์ จำกัด (NE) (15) นายสุนทร ศรีใหม่ (16) บริษัท เอ็นเนอร์จีซิสเท็ม เอ็นจิเนียริง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (ESES) (17) นายนันทวัฒน์ ภูดิทไอยราศักดิ์ (18) บริษัท บ้านทองคำ จำกัด (19) นายสมชาย โพธิ (20) บริษัท เพชรปิยะ กรุ๊ป จำกัด (21) นายธนภัทร เพชรขวัญ (22) นางกัญญาภัค เพชรขวัญ (23) บริษัท ไทยชิน เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (24) นายรัตนธร ชินกระจ่างกิจ (25) นางญดาพัชร ชินกระจ่างกิจ
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้ตรวจสอบพยานหลักฐาน พบว่า ช่วงระหว่างเดือน ก.ย.57-ส.ค.59 บุคคลทั้ง 25 ราย ได้ร่วมกันดำเนินการหรือมีส่วนรู้เห็น ยินยอม หรือให้ความช่วยเหลือสนับสนุนกรรมการผู้บริหารหรือผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท IEC กระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต เบียดบังทรัพย์สิน และแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ IEC เสียหาย ตลอดจนจัดทำหรือยินยอมให้มีการจัดทำบัญชีของ IEC ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงต่อความเป็นจริงเพื่อลวงบุคคลใดๆ เกี่ยวกับการลงทุนซื้อหุ้นบริษัทย่อย การเข้าทำสัญญาว่าจ้างก่อสร้าง และการจัดซื้อและติดตั้งเครื่องจักร ตลอดจนการใช้ NE และ ESES ซึ่งเป็นบริษัทที่นายภูษณ มีอำนาจควบคุม เป็นช่องทางในการกระทำทุจริตในหลายกรณี ซึ่ง ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษกลุ่มบุคคลดังกล่าวรวม 9 กรณี มูลค่าเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 200 ล้านบาท
โดยรายละเอียดธุรกรรม ได้แก่ กรณีที่ 1 กระทำผิดหน้าที่โดยทุจริต ยักยอกเงินของ IEC ผ่านธุรกรรมการซื้อหุ้นบริษัท ไออีซี สระแก้ว 1 จำกัด (SK1) มูลค่า 345 ล้านบาท ซึ่งผู้ขายหุ้นคือนายสุทิน ใจธรรม และนางสาวจารุวรรณ ได้รับเงินค่าหุ้น 300 ล้านบาท โดยเงินส่วนต่าง 45 ล้านบาท ได้ถูกนำไปให้นายภูษณ กรณีที่ 2 ทุจริต ยักยอกเงินของ IEC ผ่านธุรกรรมการทำสัญญาว่าจ้างบริษัท บ้านทองคำ จำกัด ซึ่งมีนายสมชาย เป็นกรรมการ ก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียและระบบกรองน้ำของโครงการของ IEC ที่ระยอง มูลค่า 15.09 ล้านบาท โดยนายภูษณและนายมรุพงศ์ ได้ตรวจรับงานและอนุมัติให้ IEC ชำระเงินตามสัญญาจนครบถ้วนแล้ว แต่พบว่าการก่อสร้างยังไม่เสร็จตามสัญญา
ทั้งนี้ ธุรกรรมทั้งหมดข้างต้น เข้าข่ายเป็นความผิดหลายมาตรา ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ปี 35 ซึ่งแต่ละกรณีอาจต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 500,000 บาท ถึง 1 ล้านบาท ก.ล.ต.จึงได้กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ บุคคลที่ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจให้เป็นกรรมการหรือผู้บริหาร และไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี.