พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เปิดเผยว่า ปัจจุบันความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เข้าสู่สังคมดิจิทัล ทำให้แคทในฐานะหน่วยงานหลักในการลงทุนโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังต่างประเทศ จึงจำเป็นต้องปรับปรุงระบบโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำตลอดเวลา ทั้งนี้ ปัจจุบันแคทมีระบบโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ 6 ระบบ หรือ 6 เส้นทาง ประกอบด้วย 1.FLAG 2.SEA-ME-WE (3) 3.TIS 4.SEA-ME-WE (4) 5.AAG 6.APG และเมื่อนำมาร่วมกับการเปิดใช้กับระบบ AAE1 และ SJC ของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศของไทยได้มากขึ้น
สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัท โครงข่ายระหว่างประเทศและศูนย์ข้อมูลอินเตอร์เน็ต จำกัด หรือเอ็นจีดีซี นั้น ทีโอทีและแคทอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการรวมโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำของประเทศสัมฤทธิผล เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆในภูมิภาคได้ดียิ่งขึ้น โดยไทยจะมีโครงข่ายพื้นฐานระหว่างประเทศที่รองรับการใช้งานของไทยและประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคได้อย่างเพียงพอทั้งปัจจุบันและในอนาคต ตอบสนองการพัฒนาประเทศไทยไปสู่การเป็นศูนย์กลางการติดต่ออินเตอร์เน็ตและสื่อสารข้อมูลในภูมิภาคอาเซียน
“แคทพร้อมสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ขยายความแข็งแกร่งของโครงข่ายเคเบิลใยแก้วใต้น้ำ เชื่อมต่อระบบสัญญาณอินเตอร์เน็ตระหว่างประเทศของไทย เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอินเตอร์เน็ตของภูมิภาคอาเซียน ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน”.