“สมคิด”เล็งตั้งกองทุนนวัตกรรมเพื่อเอสเอ็มอี เตรียมหารือเอกชนรายใหญ่ร่วมลงขันกับภาครัฐ ชี้วัดผลสำเร็จจากจำนวนสินค้าที่จดคุ้มครองไอพีเพิ่มขึ้น พร้อม ดันไอพี มาร์ท เป็นตลาดกลางซื้อขายทรัพย์สินทางปัญญา ดูดเม็ดเงินนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี มีแนวคิดที่จะจัดตั้งกองทุนเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งได้หารือกับภาคเอกชนรายใหญ่ตามแนวทางความร่วมมือประชารัฐ ในการนำเงินมาลงขันจัดตั้งกองทุนนี้ ซึ่งรัฐบาลอาจสนับสนุนงบประมาณให้ส่วนหนึ่งร่วมกับภาคเอกชน ทั้งนี้ เพื่อนำเงินไปสนับสนุนให้เอสเอ็มอี คิดค้น หรือผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และสร้างรายได้ให้กับผู้ ประกอบการและประเทศ โดยการวัดผลของการใช้เงินกองทุนว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ จะดูจากจำนวนของสินค้านวัตกรรมที่ขอยื่นจดทะเบียนคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญากับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อรับความคุ้มครอง
“เงินที่จะใช้ในกองทุนฯ ยังไม่ได้กำหนดขึ้นมา เพราะขณะนี้เป็นแนวคิดของรองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้มีการกองทุนนี้ขึ้นมา เพื่อส่งเสริมให้เอสเอ็มอีหันมาวิจัยและพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้มากขึ้น โดยจะต้องหารือรายละเอียดกับผู้ประกอบการรายใหญ่ก่อน และรัฐจะเจียดเงินบางส่วนมาจัดตั้งด้วย”
สำหรับสิ่งที่ภาคเอกชนรายใหญ่จะได้ประโยชน์จากความร่วมมือตามแนวทางประชารัฐในการจัดตั้งกองทุน นวัตกรรมเพื่อเอสเอ็มอี อาจจะออกมาในรูปแบบการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน เมื่อสามารถผลิตสินค้าและขายได้ในเชิงพาณิชย์ ขณะเดียวกัน อาจมีการแบ่งปันรายได้ส่วนหนึ่งกลับมาให้กองทุนด้วย เพื่อเป็นเงินหมุนเวียนในการต่อยอดให้กับเอสเอ็มอีรายอื่นต่อไป
ส่วนกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะมีบทบาทอย่างมากในอนาคตต่อการสนับสนุนสินค้านวัตกรรม ซึ่งตนได้สั่งการให้กรมฯเร่งปรับปรุงตลาดไอพี (ไอพี มาร์ท) ให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินงาน มากขึ้น จากปัจจุบัน กรมฯมีไอพี มาร์ท ซึ่งเป็นตลาดกลางซื้อขายทรัพย์สินทางปัญญา ระหว่างเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา นักประดิษฐ์คิดค้น และ นักธุรกิจที่ต้องการทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อนำไปผลิตสินค้าใหม่ๆขายใน ท้องตลาด แต่ยังไม่มีการซื้อขายมากนัก ซึ่งการปรับปรุงใหม่จะทำให้ตลาดกลาง แห่งนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ทรัพย์สินทางปัญญาเหล่านี้ออกสู่ สายตาของนักลงทุน และทำให้เกิดความร่วมมือกันมากขึ้นในอนาคต
“ตลาดไอพี กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ทำขึ้นมาแล้ว แต่ผมได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นมากกว่านี้ เพราะถือเป็นช่องทางสำคัญในการยกระดับทรัพย์สินทางปัญญาให้มีตลาดมารองรับ และจะเป็นตลาดกลางสินค้านวัตกรรมที่ใหญ่สุด ที่จะสามารถดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ให้มาร่วมมือหรือลงทุนสินค้านวัตกรรมเหล่านี้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศต่อไป”
ด้านนายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สิน ทางปัญญา กล่าวว่า การผลักดันไอพี มาร์ท จะมี การจัดทำฐานข้อมูลใหม่หมด เพื่อให้นักลงทุนเห็นชัดเจนมากขึ้น เช่น ทรัพย์สินทางปัญญาที่อยู่ ระหว่างการยื่นจดทะเบียนเพื่อขอรับความคุ้มครอง ทรัพย์สินทางปัญญาที่ขึ้นทะเบียนแล้วแต่ยังไม่มีคนซื้อไปผลิตสินค้า หรือทรัพย์สินทางปัญญาที่ขึ้นทะเบียนแล้วและมีนักลงทุนซื้อไปผลิตเป็นสินค้าออกขายแล้ว เป็นต้น รวมถึงมีการวิเคราะห์ข้อมูลของทรัพย์สินทางปัญญานั้นว่าจะนำไปผลิตเป็นสินค้าได้หรือไม่ และมีการประเมินราคาของ ทรัพย์สินทางปัญญาด้วย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ที่จะนำทรัพย์สินทางปัญญานั้นๆ ไปผลิตเป็นสินค้าหรือไม่ คาดว่าการปรับปรุงไอพี มาร์ท จะแล้วเสร็จภายในเดือน ม.ค.61.