นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้ร่วมหารือกับผู้บริหารการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และอดีตพนักงาน เพื่อหาแนวทางปรับขึ้นเงินบำนาญจากเดิม 2% เป็น 4% ให้อดีตพนักงานที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 43,000 บาท ซึ่งมีจำนวนกว่า 11,000 คน เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ 15) พ.ศ.2558 ซึ่งบังคับใช้ในส่วนของราชการและรัฐวิสาหกิจมีผลตั้งแต่เดือน ธ.ค.2557 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับเฉพาะเบี้ยหวัดหรือบำนาญในอัตราเดือนละ 4% ของจำนวนเบี้ยหวัดหรือบำนาญที่ได้รับหรือมีสิทธิได้รับการคำนวณ โดยก่อนหน้านี้ รฟท.ได้พิจารณาไปแล้วแต่เห็นว่าอาจเป็นภาระต่อต้นทุนดำเนินการจึงยังคงอัตราเดิมที่ 2% ดังนั้นในครั้งนี้ จึงได้สั่งการให้ รฟท.ไปจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) พิจารณาในเดือน ต.ค.นี้ว่าจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่
ทั้งนี้ การเพิ่มอัตราบำนาญดังกล่าวจะส่งผลให้ รฟท.มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเดือนละ 4 ล้านบาท หรือปีละ 50 ล้านบาท จึงได้มอบหมายให้ไปดูแนวทางของรัฐวิสาหกิจที่ใช้หลักเกณฑ์แบบเดียวกันนี้ ได้แก่ ธนาคารออมสินและการท่าเรือแห่งประเทศไทย ว่า การพิจารณาอัตราบำนาญนั้นต้องดูปัจจัยด้านสภาพคล่องและกระแสเงินสดขององค์กรหรือไม่ เนื่องจากหากปรับเพิ่มขึ้น แล้วอาจส่งผลกระทบต่อวงเงินบำเหน็จตกทอดกรณีเสียชีวิต ซึ่งคิดเป็น 31 เท่าของเงินเดือนอีกด้วย.