นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ “Positioning Thailand on SDGs Map” ว่า ปัจจุบันประเทศไทยได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติด้านแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้แนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในระดับหนึ่งแล้วขั้นต่อไปเป็นขั้นที่สอง ที่จะต้องขยายแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติที่แท้จริง และขยายผลไปทั่วประเทศ สิ่งที่สำคัญคือ การเปลี่ยนหลักคิดหรือมายด์เซ็ต จากที่มองแค่ผลประโยชน์ตัวเอง เป็นมองคนอื่นบ้าง ซึ่งคนไทยมีจิตสาธารณะจำนวนไม่น้อย แต่ที่ผ่านมาถูกบิดเบือนทำให้ด้อยค่าลงจากระบอบทุนนิยมสามานย์ ซึ่งเป็นระบบที่ทำให้คนเห็นแก่ตัว
“โจทย์สำคัญคือ การทำอย่างไรให้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนหรือเอสดีจี ลงไปสู่ฐานรากและเกิดการปฏิบัติได้จริง จึงมองไปที่การใช้ กลไกกองทุนหมู่บ้านที่มีอยู่ทั่วประเทศ 79,000 หมู่บ้าน เพื่อนำแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนไปสู่การปฏิบัติ ควบคู่กับกลไกประชารัฐ ที่จะมีภาครัฐและเอกชนมาร่วมด้วย จากเป้าหมาย 17 ข้อ ของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามที่องค์การสหประชาชาติกำหนด โดยเริ่มปรับเปลี่ยนที่ 2-3 เป้าหมายก่อน อาทิ ด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การจัดการศึกษาของหมู่บ้านการจัดการน้ำ เป็นต้น โดยจะจูงใจหมู่บ้านที่ใช้แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจัดสรรเงินกองทุนให้หมู่บ้านดังกล่าวเพิ่ม หมู่บ้านละ 800,000-1,200,000 บาท”.