การรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงประเด็นการยกเลิกตั๋วรถไฟฟรี ไม่จริง เพียงย้ายไปอยู่ในบัตรสวัสดิการของรัฐ เพื่อให้การช่วยเหลือของภาครัฐได้ตรงเป้าหมาย ตรงกลุ่มผู้ได้รับประโยชน์ต่อผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง..
วันที่ 5 ก.ย. 60 นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ชี้แจงประเด็น ที่แฟนเพจอาณาจักรไบกอน Returns ได้เผยแพร่รูปภาพระบุข้อความว่า 'โปรดทราบตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ยกเลิกตั๋วรถไฟฟรีทุกขบวนรถทั่วประเทศ โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย' และโซเชียลมีเดียกลุ่มต้าน คสช. ได้นำประเด็นดังกล่าวมาวิพากษ์วิจารณ์เสียดสีกลุ่มคนที่สนับสนุน คสช. โดยโจมตีว่ามาตรการดังกล่าวของรัฐบาล คสช. เป็นการตัดสิทธิประโยชน์ของประชาชน ซึ่งโครงการที่ถูกยกเลิกส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เริ่มต้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ และมองว่าการตัดสิทธิ์ดังกล่าวเป็นเรื่องทางการเมืองนั้นว่า ตามที่รัฐบาลได้เริ่มดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2551 (1 สิงหาคม 2551) และได้มีการขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการฯ เป็นระยะ จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2560
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว แม้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง แต่ก็เป็นการช่วยเหลือบุคคลที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย หรือผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง คือ บุคคลสัญชาติไทยและต่างด้าวทุกคนสามารถใช้บริการรถเมล์และรถไฟฟรีได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง และทั่วถึง ครม. ได้มีมติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 เห็นชอบในหลักการแนวทางการจัดประชารัฐสวัสดิการ การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยจะให้ความช่วยเหลือผู้ที่ลงทะเบียนรายได้น้อยและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วจำนวน 11.67 ล้านราย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 เป็นเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ผู้มีสิทธิ์สามารถใช้สิทธิ์ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งภายในวงเงินที่กำหนด ซึ่งแบ่งเป็น วงเงินค่าโดยสารรถเมล์ ขสมก. /รถไฟฟ้า รายละ 500 บาทต่อเดือน (ใช้ชำระค่าโดยสาร ด้วยระบบ e-Ticket) วงเงินค่าโดยสาร บขส. รายละ 500 ต่อเดือน (ใช้ในการซื้อบัตรโดยสารรถ บขส. ได้ภายในวงเงิน 500 บาทต่อเดือน) และวงเงินค่าโดยสารรถไฟรายละ 500 บาทต่อเดือน (ใช้ในการซื้อบัตรโดยสารรถไฟได้ภายในวงเงิน 500 บาทต่อเดือน) โดยผู้มีสิทธิ์สามารถนำบัตรสวัสดิการมาใช้บริการรถเมล์ ขสมก. รถโดยสาร บขส. และรถไฟ ได้ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560
ส่วนที่ 2 เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพ ได้แก่ การลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งเป็นวงเงินสำหรับค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษา และวัตถุดิบเพื่อการเกษตรกรรมจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือร้านค้าที่ลงทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ รวมทั้งวงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่กระทรวงพลังงานกำหนด ซึ่งวงเงินทั้งสองส่วนนี้ หากประชาชนใช้ไม่หมดจะถูกตัดยอดทันที ไม่มีการสะสมในเดือนถัดไป และเมื่อถึงรอบวันที่ 1 ของทุกเดือน วงเงินจะถูกปรับเป็นค่าเริ่มต้นของวงเงินแต่ละสวัสดิการเสมอ ซึ่งวิธีดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริงและทั่วถึง และช่วยให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณ และเป็นไปตามจริงของการใช้บัตร.