นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “เดินหน้าวิจัยและนวัตกรรมเพื่อ Thailand 4.0” ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับงานวิจัยของชาติอย่างมากถือเป็นวาระแห่งชาติอย่างแท้จริง ที่จะนำงานวิจัยมาขับเคลื่อนประเทศ โดยล่าสุดรัฐบาลมีแนวคิดที่จะนำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยของประเทศ มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว เช่นเดียวกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ที่ให้มาอยู่ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรีไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจจะจัดทัพหน่วยงานวิจัยใหม่โดยมีแนวคิดที่จะตั้งกระทรวงที่ดูแลด้านนวัตกรรมและการวิจัยขึ้นมาใหม่ แยกสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาออกมาจากการกำกับดูแลของกระทรวงศึกษา มารวมกับหน่วยงานวิจัยเป็นกระทรวงใหม่ที่อาจ ใช้ชื่อว่ากระทรวงการวิจัยและอุดมศึกษาซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับประเทศในยุโรป คือ ฝรั่งเศสและเยอรมนี ที่มีกระทรวงในรูปแบบนี้ คาดว่าจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาและได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ต่อไปนี้งานวิจัยจะต้องตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมศาสตร์ และด้านวิทยาศาสตร์ เช่นเรื่องสังคมผู้สูงอายุ ปัญหาเรื่องแรงงานคุณภาพของทุนมนุษย์ การปฏิรูป ระบบราชการ การเปลี่ยนกระบวนทัศน์หลักคิดหรือมายด์เซ็ตของคนไทย การเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วในศตวรรษที่ 21 รวมทั้งการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาเรื่องแรงงาน เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นแบบทุกวันนี้ที่เป็นเบี้ยหัวแตก เพราะเป็นงานวิจัยที่ตอบโจทย์ของผู้วิจัยเองเท่านั้นที่ต้องการตำแหน่งทางวิชาการ
ด้านนายกิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยและนวัตกรรมครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดทิศทางด้านการวิจัยต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านการวิจัย มาตรฐานแรงจูงใจภาคเอกชนให้เข้ามาลงทุนด้านการวิจัย จัดทำกฎหมายรองรับสตาร์ตอัพ จัดสรรกรอบงบประมาณบูรณาการวิจัย โดยหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงก็นำไปกำหนดทิศทางการวิจัยได้ เช่น กองทุนวิจัยและเครือข่ายการวิจัยต่างๆ.