นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน.ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯลง สำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงรวม 1 บาทต่อลิตร ซึ่งจะดำเนินการเป็น 2 รอบ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 28 มี.ค. และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เม.ย.นี้ เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน และเป็นของขวัญให้ประชาชนในเทศกาลสงกรานต์ ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และกลุ่มน้ำมันดีเซล คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด
ขณะที่สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.)ได้ รายงานฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี (เดือน ม.ค.-23 มี.ค.) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯดีขึ้นต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันดิบดูไบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯมีรายรับเฉลี่ย 8,000 ล้านบาทต่อเดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯจากเดิมเมื่อวันที่ 5 ม.ค. กองทุนน้ำมันฯติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 29,009 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม ติดลบ 46,936 ล้านบาท) ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมันฯ ปรับลดลงเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เหลือติดลบ 60,052 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 14,063 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม ติดลบ 45,989 ล้านบาท)
“กบน.ขอยืนยันความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพราคาพลังงานให้กับประชาชน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะยังคงทำหน้าที่ดูแลราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นธรรม พร้อมมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้หลักการเปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้เพื่อประโยชน์ของประชาชน และทุกภาคส่วน”
สำหรับมติให้ปรับลดราคาเป็น 2 ครั้ง ครั้งละ 50 สตางค์ รวมเป็น 1 บาท สาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอาจกระทบสถานีบริการน้ำมัน หากลดลงทันที 1 บาทต่อลิตร ดังนั้น ค่อยๆปรับลดจะทำให้ผลกระทบคู่ค้าน้อยลง และไม่ต้องมีประเด็นโต้แย้งมาก และจะเป็นผลดีต่อประชาชน ที่ราคาน้ำมันลดลงแน่นอน
ขณะที่สถานการณ์กองทุนน้ำมันฯจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกขณะนี้ และด้วยสถานการณ์ความไม่สงบ ของสงครามยังไม่แน่นอน และหากจะให้ประเมินว่าจะเป็นบวกได้ช่วงใด เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. ที่อาจจะเริ่มเป็นบวก ซึ่งต้องเข้าใจว่าขณะนี้กองทุนน้ำมันฯยังมีหนี้เงินกู้ 60,052 ล้านบาท และการลดราคาครั้งนี้ เงินที่จะอุดหนุน จะช่วยจนกว่าไม่มีเหตุการณ์อะไร ซึ่งราคาน้ำมันขณะนี้ดูแล้ว ไม่สวิงจึงจะช่วยต่อไปก่อนเป็นเงินเฉลี่ยวันละประมาณ 100 ล้านบาท แต่บอกไม่ได้จะลดนานเพียงใด ขอดูสถานะกองทุนน้ำมันฯเป็นหลัก ส่วนราคาก๊าซหุงต้ม (ภาคครัวเรือน) ก็จะยังตรึงราคาเท่าเดิมต่อไปอีก 3 เดือน (เม.ย.-มิ.ย.) โดยจะมีประชุมในสิ้นเดือน มี.ค.นี้
“ราคาค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค. จะลดราคาลงจากงวดปัจจุบัน ม.ค.-เม.ย.2568 ที่จัดเก็บอยู่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วยได้หรือไม่ ขณะนี้กำลังดำเนินอยู่ ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ เพราะโครงสร้างไฟฟ้ามีความหมักหมมมานาน จึงต้องพยายามปรับลดทุกส่วน เพื่อจะลดให้ได้ ยืนยันทำงานทุกวันและทำทุกเรื่อง ขณะนี้ยังมีเวลาอยู่ ผมทำงานทุกวัน ทำแต่งานไม่มีเวลาเจอใคร อยากถามให้แจ้งมาติดต่อมาได้ตลอด ขอให้บอก”.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่