เอกซเรย์นอมินี-สินค้าห่วยทั่วไทย "พาณิชย์-ซีไอบี" ลุยต่อกวาดล้างนิติบุคคลบัญชีม้า

พาณิชย์ตั้งคณะงานเอกซเรย์นอมินี-สินค้าห่วย ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ หวังกวาดล้างให้หมดไปจากประเทศโดยเร็ว คาดเริ่มได้เร็วๆ นี้ พร้อมโชว์ผลงานตั้งแต่ ก.ย.67–ม.ค.68 จับธุรกิจเสี่ยงนอมินีได้แล้ว 820 คดี ความเสียหาย 12,495 ล้านบาท เดินหน้าลุยกวาดล้างนิติบุคคลบัญชีม้า พบบุคคลเสี่ยงสูงฟอกเงินกว่า 2 แสนรายชื่อ เกี่ยวข้องนิติบุคคลในไทยกว่า 1.1 พันราย ส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟันต่อ

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการป้องกันและป้องปรามธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว (นอมินี) ครั้งที่ 3/68 ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด โดยมี ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจตามกฎหมายทุกหน่วยงานกว่า 20 หน่วยงานร่วมด้วย เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.), จังหวัด, องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น, ตรวจคนเข้าเมือง, ศุลกากร, พาณิชย์จังหวัด, จัดหางานจังหวัด, อาหารและยา, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ เพื่อตรวจสอบนอมินี (คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าว เพื่อทำธุรกิจในไทยโดยเลี่ยงทำตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว) และสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และทำให้ทั้ง 2 ปัญหานี้หมดไปจากประเทศ โดยเร็วๆนี้ กระทรวงพาณิชย์จะหารือกับกระทรวงมหาดไทย และจะลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) เพื่อร่วมกันดำเนินในเรื่องดังกล่าว

“คณะทำงานชุดนี้จะทำงานเชิงรุก โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจตามกฎหมายเกี่ยวกับนอมินี และสินค้าไม่ได้มาตรฐานร่วมอยู่ด้วย ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งจะร่วมกันเอกซเรย์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อกวาดล้างนอมินี และสินค้านำเข้าไม่ได้มาตรฐานให้ หมดไป คาดจะเริ่มเอกซเรย์ทั่วประเทศเร็วๆนี้ และจะรายงานผลมายังคณะอนุกรรมการฯ ทุกเดือน จากนั้นคณะอนุกรรมฯ จะรายงานคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไข ปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ก่อนรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป”

สำหรับผลปราบปรามนอมินีตั้งแต่เดือน ก.ย.-ธ.ค.67 นั้น จับกุมดำเนินคดีธุรกิจนอมินีได้แล้ว 783 คดี มูลค่าความเสียหาย 11,783 ล้านบาท ส่วนเดือน ม.ค.68 จับกุมดำเนินคดีเพิ่มได้อีก 37 คดี ความเสียหาย 710 ล้านบาท รวม 820 คดี ความเสียหาย 12,495 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นนอมินีในธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องในพื้นที่กรุงเทพฯ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์, ธุรกิจอื่นๆ เช่น ตลาดออนไลน์ วัสดุก่อสร้าง สำนักงานบัญชีในพื้นที่กรุงเทพฯ ระยอง รวมถึงธุรกิจขนส่งสินค้าทางบก, ค้าอสังหาริมทรัพย์และเกี่ยวเนื่อง โดยเป็นนอมินีของต่างด้าวทั้งจากยุโรปและเอเชีย

นายนภินทรกล่าวต่อถึงการแก้ปัญหานิติบุคคลบัญชีม้าว่า จากการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง (ซีไอบี) แก้ปัญหา โดยซีไอบีจะจัดส่งรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงต่อการฟอกเงิน และอาชญากรข้ามชาติ ในกรณีบุคคลผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานหรือเป็นเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคารที่ถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐาน รหัส HR-03 มาให้กรมเพื่อตรวจสอบว่า เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลในไทยหรือไม่ อย่างไรนั้น

ล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (ศูนย์ AOC) สายด่วน 1441 ได้ส่งรายชื่อดังกล่าวมาให้แล้ว 3 ครั้ง รวม 204,000 ราย ซึ่งกรมได้ตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า รายชื่อทั้งหมดมีทั้งคนไทย และคนต่างชาติ เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลในไทยรวม 1,159 บริษัท และทั้งหมดมีความเสี่ยงที่จะเป็นนิติบุคคลบัญชีม้า หรือธุรกิจสีเทาในไทย จึงส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีอำนาจตามกฎหมายดำเนินการต่อแล้ว.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่