คลังลดเป้าเศรษฐกิจโต 3.5%

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้ปรับประมาณการการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2565 ใหม่ที่ 3.5% โดยมีช่วงคาดการณ์ระหว่าง 3.0-4.0% จากเดิมเมื่อเดือน ม.ค.65 อยู่ที่ 4% หรือมีช่วงคาดการณ์ที่ 3.5-4.5% ประมาณการอัตราเงินเฟ้อที่ 5.0% หรือมีช่วงคาดการณ์ที่ 4.5-5.5% ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 99.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลค่าเงินบาท 33.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย 6.1 ล้านคน

“ปัจจัยหลักที่ทำให้กระทรวงการคลังต้องปรับลดตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยชะลอตัว โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ และส่งผลกระทบให้ราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าหลายรายการปรับเพิ่มขึ้น”

ขณะที่ปัจจัยที่กระทรวงคลังต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ได้แก่ 1.ความยืดเยื้อของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน 2. ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบันและที่อาจเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต 3.ความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก อาทิ การส่งสัญญาณปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในหลายประเทศ การไหลออกของเงินทุนเคลื่อนย้าย และค่าเงินบาท 4. ปัญหาข้อจำกัดในห่วงโซ่อุปทานการผลิต เช่น การขาดแคลนอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ในอุตสาหกรรมยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น 5.ตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวไม่เต็มที่ จึงเป็นข้อจำกัดสำหรับการจับจ่ายใช้สอยและความสามารถในการชำระหนี้สินของภาคครัวเรือนที่ยังคงมีความเปราะบาง

“อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่ส่วนหนึ่งก็กลับเข้าสู่ระบบการจ้างงานแล้ว โดยตัวเลขผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของสำนักงานประกันสังคมมีราว 11.23 ล้านคน เพิ่มขึ้น 200,000 คน ในไตรมาสแรกของปีนี้ ดังนั้น เมื่อคนมีงานทำมากขึ้น ก็จะมีรายได้มาใช้จ่ายชำระหนี้ ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ด้วย”.