การขึ้นสู่ตำแหน่งของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย อาจจะเหนือความคาดหมายในสายตา ของคนจำนวนไม่น้อย
แต่ความเป็นคนรุ่นใหม่ในวัย 38 ปี สร้างสถิติเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ แทนที่นายเสนีย์ ปราโมช เจ้าของสถิติเดิมที่ขึ้นดำรงตำแหน่งเมื่ออายุ 40 ปี 3 เดือน
เมื่อประกอบรวมเข้ากับชาติกำเนิดและภาพลักษณ์ที่ดึงดูดใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่า “แพทองธาร” มีความน่าสนใจ ใคร่ติดตามและชวนให้โอกาส
ในทางตรงข้าม การมาจากขั้วการเมืองที่เคยมีมวลมหาประชาชนอยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ประจักษ์ ตลอดจนสภาพการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่อยู่ในภาวะฝีแตก เส้นทางของ “แพทองธาร” จึงเปรียบได้ดั่งการเดินเข้าสู่พายุระดับเฮอริเคน
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตย่อมต้องดำเนินต่อไป “รัฐบาลแพทองธาร” กำลังเข้าปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้ปณิธานที่เธอประกาศไว้หลังพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความหวัง เป็นประเทศแห่งความสุขของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม”
....โอกาสและความหวังที่ว่านั้นคืออะไร “ทีมเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ติดตามสัมภาษณ์นักธุรกิจหน้าใหม่ รุ่นใหม่ วัยใกล้เคียงนายกรัฐมนตรี เพื่อสะท้อนความคาดหวังของพวกเขาเหล่านั้น ผ่านบทวิเคราะห์หน้า 8 ประจำสัปดาห์นี้
การที่ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรีที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่เปิดกว้างและความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ ส่วนตัว ผมเองที่เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ค่อนข้างให้ความสำคัญเรื่องการเปิดรับฟังความคิดและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง ซึ่งคุณแพทองธารอยู่ใน Generation เดียวกันกับผม ผมเชื่อว่าคุณแพทองธารจะมีมุมมองที่เปิดกว้างและมีความเข้าใจมุมมองที่แตกต่าง จุดนี้จะเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองในการหาทางออกที่ยอมรับร่วมกันได้ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานร่วมกันอย่างมีเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล ที่นักธุรกิจส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะนำไปสู่เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ
อีกปัจจัยสำคัญที่เห็นได้ชัดคือ คุณแพทองธารมีหลังบ้านที่แข็งแกร่ง เต็มไปด้วยความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน ที่พร้อมจะสนับสนุนเธอในการเผชิญกับความท้าทายต่างๆ การมีทีมที่มีประสบการณ์และความรู้หลายด้านจะช่วยผลักดันนโยบายให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน
สำหรับในเรื่องของความคาดหวัง เนื่องจากปัญหาปากท้อง ของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายคาดหวังให้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขอย่างจริงจัง เราไม่เพียงแต่ต้องการมาตรการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวิกฤติต่างๆ แต่ยังต้องการเห็นการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุมทุกภาคส่วน โดยเฉพาะในเรื่องของการสนับสนุนเอสเอ็มอี (SMEs) ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่มีความสำคัญ การส่งเสริมความเข้มแข็งของเอสเอ็มอีไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างฐานเศรษฐกิจที่มั่นคง แต่ยังสอดคล้องกับแนวโน้มของโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเอสเอ็มอีสามารถมีบทบาทสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยควรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
สุดท้ายการปรับตัวสู่เทคโนโลยีดิจิทัลและการนำนวัตกรรมระดับโลกมาประยุกต์ใช้กับนโยบายภายในประเทศ จะเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในยุคใหม่ ผมหวังว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และพลังงานทดแทน เพื่อให้ประเทศของเราก้าวทันโลกและเติบโตอย่างยั่งยืนในเวทีโลก
ความคาดหวังต่อรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” ของผม ขอโฟกัสที่ความเดือดร้อนที่ผมกำลังเผชิญในฐานะผู้ประกอบการแล้วกัน ผมคิดว่ารัฐบาลควรเร่งแก้กฎหมายต่างๆของไทยที่มีความล้าสมัย ให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ขอยกตัวอย่างปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นกับผม คาร์นิวาลทำธุรกิจขายรองเท้ากีฬาแฟชั่น (Sneaker) เราเกิดจากออนไลน์ แล้วจึงขยายสู่ออฟไลน์ นั่นคือเปิดสาขา ขณะนี้มีสาขาทั้งสิ้น 5 แห่ง
เมื่อเร็วๆนี้ ผมเพิ่งได้รับการติดต่อจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคหรือ สคบ.บอกว่าผมทำผิดกฎหมาย เพราะการเปิดเว็บไซต์และมีการขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ ต้องมาจดทะเบียนเป็นบริษัทขายตรงภายใต้ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง 2545 ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน ตลอดการทำธุรกิจของคาร์นิวาล 11 ปีที่ผ่านมา เพราะผมไม่ได้ขายตรง ผมขายรองเท้าผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง ภายใต้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังกำหนดให้ผมเปิดเว็บไซต์ได้แค่ 1 เว็บ ผมอยากเปิดเว็บไซต์ขายกล่องรองเท้า ซึ่งเป็นอีก 1 แบรนด์ ก็ทำไม่ได้
“ความผิดดังกล่าวทำให้ผมถูกปรับ 100,000 บาท เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมธุรกิจที่โดนเหมือนๆกัน 5-6 ราย กลายเป็นว่าเราตกเป็นเหยื่อของความไม่รู้ว่าคนขายของผ่านเว็บไซต์ต้องไปจดทะเบียนภายใต้กฎหมายขายตรง ซึ่งมันไม่สอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันเลย ผมรู้สึกเหมือนเราถูกชี้เป้า เพราะคนที่แจ้งเบาะแสจะได้รับส่วนแบ่งจากค่าปรับ 25% ด้วย หากมีกฎหมายเช่นนี้ ก็ควรประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรายเล็กทราบ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ คิดจะจับก็จับ ไม่จับก็ไม่จับ สิ่งที่ผมเจอทำให้อยากเรียกร้องให้รัฐบาลคุณแพทองธาร แก้กฎหมายเก่าๆที่ไม่สอดรับกับบริบทของธุรกิจในโลกยุคใหม่”
และที่ต้องเรียกร้องดังๆคือ รัฐบาลต้องเข้ามาแก้ปัญหา เศรษฐกิจ ตอนนี้ธุรกิจยากลำบากมาก กำลังซื้อหดตัวรุนแรง ขนาดคาร์นิวาลซึ่งขาย Sneaker รุ่นหายาก ลิมิเต็ด ฐานลูกค้าอยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง ยังได้รับผลกระทบแล้วเลย ธุรกิจรายเล็กรายน้อยน่าจะแย่ คนหาเช้ากินค่ำ น่าจะแย่
“เราอยากเห็นความต่อเนื่องของนโยบายที่สำคัญ โดยเฉพาะโครงการด้านเศรษฐกิจที่มีการริเริ่มไปแล้วก่อนหน้านี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นโจทย์ที่สำคัญของรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายด้าน Soft Power ที่ถือเป็นภาพของคุณแพทองธาร โดย LINE MAN Wongnai ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ด้านอาหารไทยร่วมกับคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติเมื่อช่วงเดือน เม.ย.2567 และคาดหวังว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับภาคธุรกิจดิจิทัล-เทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก เอสเอ็มอี ที่กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการแข่งขัน โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจและขยายตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่ LINE MAN Wongnai ผลักดันอยู่แล้วตามภารกิจหลัก Digitalize Thailand”
นอกจากนี้ ยังอยากให้ส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างบริษัทสตาร์ตอัพไทยและต่างชาติ เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและสร้างความเข้มแข็งให้กับสตาร์ตอัพไทย ให้สามารถเติบโตได้ในระดับภูมิภาคหรือระดับโลก อีกทั้งยังเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนานวัตกรรมที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
“LINE MAN Wongnai ในฐานะแพลตฟอร์มสัญชาติไทยที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยกว่าสิบล้านคน และมีส่วนช่วยสร้างรายได้ให้กับร้านค้าและไรเดอร์ทั่วประเทศอีกหลายแสนราย ยินดีที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลเพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล กระตุ้นการท่องเที่ยว และการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการและแรงงานอีกมากมายในอนาคต”
คาดหวังว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่จะสานต่อนโยบายกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพราะถือว่าได้ดำเนินการมาอย่างดีตลอดระยะ 358 วัน จึงอยากให้สานต่อเพื่อความต่อเนื่อง ทั้งการเปิดให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินได้มากกว่าปัจจุบัน ที่กำหนดระยะเวลาการเช่า 30 ปี ไม่เพียงพอต่อการทำธุรกิจ
“จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ในระยะยาว และมุ่งเจาะกลุ่มนักลงทุนใหม่ด้วย เพราะจะเป็นกลุ่มที่มีเงิน เข้ามาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศนับจากนี้ไปอีก 10-20 ปีข้างหน้า เนื่องด้วยการลงทุนของภาคธุรกิจต้องจัดทำแผนระยะยาว หากนโยบายเปลี่ยนบ่อย ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ฉะนั้นการให้เช่าที่ดินระยะยาว น่าจะตอบโจทย์ภาคอสังหา ริมทรัพย์ ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะช่วยให้ต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่ม มีการจับจ่ายใช้สอยในประเทศเพิ่มขึ้นด้วย”
ด้วยความเข้มแข็งของฐานการเมือง เป็นตัวจริงเสียงจริง มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เป็นคนรุ่นใหม่ เป็นความหวังของหลายๆฝ่าย คุณแพทองธารน่าจะผลักดันนโยบายที่ประกาศไว้ได้ดี โดยไม่ต้องออกนโยบายใหม่ๆ ขอแค่ผลักดันสิ่งที่คุณเศรษฐา ทำไว้ให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน แบบ “ลงมือจริง ทำให้เห็นผลงานจริง” เชื่อว่าจะสร้างความหวังให้กับประชาชนคนไทยได้อย่างแน่นอน
“ผมอยากให้ทุกคนให้โอกาสนายกรัฐมนตรี “แพทองธาร” ได้พิสูจน์ฝีมือการทำงานก่อน เพราะนอกจากอายุน้อย ประสบการณ์ ทางการเมืองไม่มาก ยังถูกเปรียบเทียบในอีกหลายประเด็น ดังนั้น ต้องรอผลลัพธ์ คือผลการทำงานที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้”
ส่วนเหตุผลที่ต้องการให้โอกาสนั้น เพราะผมเคยนำบริษัทเสริมสร้าง กระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ครั้งแรกด้วยอายุแค่ 34 ปี ตอนนั้นมีคนเอ่ยถึงทั้งด้านดีและไม่ดี ทำให้ต้องทุ่มเท ทุ่มใจทำงาน แบบ “สู้ไม่ถอย” เพื่อพิสูจน์ผลงาน ซึ่งผมผ่านเวลานั้นมาแล้ว 8 ปี ดังนั้นต้องให้กำลังใจและให้โอกาสนายกรัฐมนตรีได้ทำงาน เพื่อพิสูจน์ฝีมือ
ส่วนเรื่องความคาดหวัง เมื่อนายกรัฐมนตรีเป็นคนรุ่นใหม่ น่าจะมีมุมมองใหม่ๆ ขณะเดียวกันก็น่าจะมีการประสานงานกลุ่มเก่าด้วย ดึงคนรอบข้างที่เก่งๆมาช่วยงานได้อย่างถูกฝาถูกตัว คนเก่ง ไม่ต้องเก่งทุกเรื่อง แต่ใช้งานคนเป็น ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ คนรุ่นใหม่อยากเห็นบ้านเมืองตัวเองพัฒนาเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน
ในมุมของพลังงานทดแทนที่คลุกคลีอยู่ ต้องการให้รัฐบาล “แพทองธาร” ให้ความสำคัญแบบเข้มข้นมากขึ้น เพื่อลดโลกร้อน โลกเดือด ซึ่งทุกประเทศให้ความสำคัญ แต่ไทยยังให้ความสำคัญน้อยไป สัดส่วนพลังงานทดแทน ยังมีน้อยในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) จึงต้องเพิ่มสัดส่วนพลังงานสีเขียว ให้เป็นไปตามเทรนด์โลก.
ทีมเศรษฐกิจ
คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปเศรษฐกิจ” เพิ่มเติม