“สินค้าจีนกำลังล้นตลาด” และจีนได้เทกระจาดสินค้าเหล่านั้นด้วยราคาที่ถูกมากๆ มาในตลาดอาเซียน โดยเฉพาะสินค้าที่ทะลักเข้ามาในประเทศเราผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ซึ่งส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการท้องถิ่นเป็นอย่างมาก
จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ชี้ว่า เมื่อปี 2566 ประเทศไทยขาดดุลการค้ากับจีนอยู่มากถึง 36,635 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.3 ล้านล้านบาท โดยส่งออกที่ 34,164 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่นำเข้า 70,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และข้อมูลล่าสุดในครึ่งปีแรกของปี 2567 ประเทศไทยส่งออกน้อยลง -1.2% แต่กลับมียอดการนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดกับไทยประเทศเดียว หลายประเทศทั่วโลกกำลังรับมือกับโมเดลกระจายสินค้าจากจีน ทั้งการตั้งกำแพงภาษี เพิ่มมาตรการป้องกันการนำเข้า แต่ก็ต้องยอมรับว่า ด้วยสินค้าจำนวนมหาศาลและความสามารถของจีน ทำให้มีโมเดลใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ
ทำไมสินค้าจีนทะลักถึงไม่ได้เป็นเรื่องที่จะแก้ปัญหาแบบ Quick Win หรือใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งได้ และประเทศไทยจะรับมือกับปัญหานี้ที่แม้จะมีมานานแล้ว แต่กลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงขึ้นอย่างไรได้บ้าง?
ดร.สันติธาร เสถียรไทย อดีตผู้บริหารบริษัทเทคฯ และภาคการเงินระดับโลก ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจแห่งอนาคต สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และกรรมการและกรรมการอิสระ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ชี้ให้เห็นถึงต้นตอของปัญหาและเสนอแนวทางการรับมือ โดยโพสต์ผ่าน Facebook ว่า
หากเปรียบปัญหาสินค้านำเข้าราคาถูกทะลักเข้าไทยเสมือน “ปัญหาน้ำท่วม” การจะแก้ปัญหาอาจต้องเริ่มจากการเข้าใจว่าทำไม “น้ำ” (สินค้าจากจีน) ถึงล้น และน้ำเหล่านี้ไหลผ่าน “แม่น้ำ” (ช่องทางการขาย) สายไหนบ้างมาที่ไทย
ในฐานะคนที่เคยทำงานในธุรกิจแพลตฟอร์มและวิเคราะห์การค้า-การลงทุนระหว่างประเทศมานาน วันนี้อยากชวนแกะประเด็นใหญ่ของประเทศนี้ที่ผมคิดว่ามีความซับซ้อนสูงเพราะมีหลายปัญหาถูกมัดรวมอยู่ด้วยกัน
ดร.สันติธาร ให้ข้อมูลว่า เส้นทางและโมเดลของการนำเข้าสินค้าจีน ผ่านการเปรียบเทียบว่าเป็น 6 แม่น้ำที่เป็นเส้นทางสำคัญที่สินค้าไหลเข้าประเทศ ดังนี้
ดร.สันติธาร ให้แนวทางที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหาสินค้าจีนทะลักตลาด ไว้ดังนี้
โจทย์สำคัญจะสังเกตได้ว่าปัญหาสำคัญของการนำเข้าสินค้าจากจีน โดยผู้ขายในต่างประเทศ, ผู้ขายต่างชาติ และแพลตฟอร์มที่ใช้โมเดลส่งตรงจากโรงงานถึงลูกค้า (ข้อ 2-4) คือการไม่บังคับใช้กฎกติกาที่มีของไทย ทั้งเรื่องมาตรฐานสินค้า ภาษีต่างๆ กับคนขายต่างชาติทั้งที่อยู่ในประเทศและนอกประเทศ จนกลายเป็นว่า ทำให้กฎกติกาของไทยทำให้คนไทยเสียเปรียบเสียเอง
“หัวใจคืออย่างน้อยควรสร้าง Level Playing Field ทางกฎกติกา ด้วยการบังคับใช้กฎหมายของไทยที่มีอยู่แล้วกับธุรกิจและคนขายต่างชาติที่อยู่ในและนอกประเทศทั้งการคุ้มครองผู้บริโภค, ภาษี และ พ.ร.บ. ธุรกิจต่างด้าว”
อย่างไรก็ตาม เข้าใจได้ว่าบางส่วนเป็นปัญหาเรื่องช่องโหว่ทางกฎหมายที่ต้องมีการอุดรอยรั่ว แต่บางส่วนเป็นแค่เรื่องการบังคับใช้กฎที่มีอยู่แล้วแต่ขอยังไม่ลงรายละเอียดตรงนี้
นอกจากนี้ ยังมีโจทย์สำคัญอีกอย่างจากประเด็น โมเดล China +1 คือ ในอนาคตต้องพยายามดึงการผลิตให้มาอยู่ในประเทศไทยให้มากที่สุด และพัฒนาศักยภาพแรงงานให้สร้าง Value Added ได้มากขึ้น จะได้ลดการนำเข้า, เพิ่มมูลค่าให้การส่งออก, สร้างงาน-รายได้ในประเทศ (เช่น อุตสาหกรรมนิกเกิลในอินโดนีเซีย)
หัวใจ คือไม่ว่าเป็นแพลตฟอร์มสัญชาติไหนหากมีธุรกิจในไทยก็ควร :
แต่ประเด็นที่แก้ยากที่สุดและเป็น “ต้นน้ำ” ของปัญหาก็คือสภาวะกำลังผลิตเกินในประเทศจีน (Oversupply/Overcapacity) ทำให้ต้องระบายส่งออกสินค้าในราคาถูกสู่โลก ซึ่งทำให้ไปแข่งกับสินค้าส่งออกไทยในตลาดอื่นอีกด้วย
เสมือนน้ำที่ล้นเขื่อนต่อให้เราพยายามกั้นแม่น้ำต่างๆ สุดท้ายน้ำก็จะไหลเข้ามาในช่องทางใหม่ๆ อยู่ดี ต่อให้ปิดรูรั่วทางกฎหมายที่ไม่เท่าเทียม ก็ต้องยอมรับว่าหลายสินค้าจากจีนก็อาจจะต้นทุนถูกกว่าไทยอยู่ดี
เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับโลกที่ไม่ได้แก้ได้ง่ายๆ หลายธุรกิจหาตลาดส่งออกใหม่, สร้างแบรนด์ และขยับขึ้น Value Chain เพื่อไม่ต้องแข่งกับสินค้าราคาถูกโดยตรง แต่แน่นอนไม่ใช่ทุกคนทำได้ ส่วนบางประเทศเลือกใช้กำแพงภาษี หรือมาตรการป้องกันการทุ่มตลาดในบางสินค้า แต่ก็ต้องระวังเพราะหากทำผิดพลาดอาจเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ธุรกิจในประเทศและทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ดร.สันติธาร ทิ้งท้ายว่า
“คงไม่สามารถพูดถึงการแก้ปัญหาอย่างลงลึก แต่ที่แน่ๆ นี่คงไม่ใช่ปัญหาที่กระทรวงใดกระทรวงหนึ่งจะแก้ได้แต่ต้องร่วมมือกันหลายหน่วยงานและมียุทธศาสตร์ระดับประเทศที่ชัดเจน”
“ปล. บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะกล่าวโทษประเทศใดเป็นพิเศษเพราะปัญหานี้อาจมาจากประเทศไหนก็ได้ และหลายข้อก็เป็นปัญหาที่ประเทศเราต้องรีบแก้ไขที่ตัวเราเอง”
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Facebook: สันติธาร เสถียรไทย - Dr Santitarn Sathirathai
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ - https://www.facebook.com/ThairathMoney