นีลเส็นเผยสื่อทีวีเป็นจอหลักยูทูบยังตามห่าง

นีลเส็นเปิดข้อมูลปี 2566 ทีวียังเป็นจอหลัก คนไทย 63% ยังดู โดยเฉพาะช่วงกลางวัน และ 37% ชมผ่านสตรีมมิง โดยเฉพาะหลัง 4 ทุ่ม เผยยูทูบครองส่วนแบ่งผู้ชมสูงสุด 14% รองลงมาเป็นติ๊กต่อก, เฟซบุ๊ก, เอไอเอสเพลย์และทรูไอดี ตามด้วยเน็ตฟลิกซ์รั้งท้าย ส่วนมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาปี 2566 อยู่ที่ 1.16 แสนล้านบาท โต 3% ขณะที่รายการเรตติ้งสูงสุดของปีเป็นกีฬาวอลเลย์บอลหญิงนัดไทยพบโคลอมเบียจากช่องเวิร์คพ้อยท์ เรตติ้ง 9.518% รองลงมาเป็นละครพรหมลิขิต ช่อง 3

นีลเส็น (NIELSEN) บริษัทวิจัยด้านการตลาด เปิดเผยมูลค่าเม็ดเงินโฆษณาของไทยปี 2566 มีมูลค่า 116,413 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าราว 3% โดยมูลค่าสูงสุดยังอยู่ที่สื่อทีวีที่ยังคงเป็นสื่อที่เข้าถึงคนไทยมากที่สุด ครองสัดส่วนการใช้เม็ดเงินโฆษณาที่ 52% มูลค่า 60,689 ล้านบาท รองลงมาเป็นสื่ออินเตอร์เน็ต มูลค่า 28,999 ล้านบาท และสื่อที่มีการเติบโตสูงสุดคือสื่อนอกบ้านหรือ Out of home ตามมาเป็นอันดับ 3 มูลค่า 17,521 ล้านบาท ขยายตัว 16%

นีลเส็นยังรายงานข้อมูลพฤติกรรมการดูทีวีผ่านเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์มปี 2566 พบว่า ตลอดปีจำนวนคนดูเฉลี่ยต่อนาทีอยู่ที่ 10.468% จากผู้ชม ทั่วประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป โดยผู้ชมจำนวน 63% รับชมจากเครื่องเล่นทีวีออฟไลฟ์ และ 37% เป็นผู้รับชมจากช่องทางสตรีมมิง อันดับ 1 เป็นยูทูบ ครองส่วนแบ่งผู้ชมสูงสุดที่ 14% รองลงมาเป็นติ๊กต่อก7%, เฟซบุ๊ก 6%, เอไอเอสเพลย์และทรูไอดี 2% เท่ากัน และเน็ตฟลิกซ์ 1% โดยใน 1 วันคนไทยใช้เวลาดูทีวี 1.48 ชั่วโมง และดูผ่านช่องทางออนไลน์วันละ 42 นาที

ในส่วนของการวิเคราะห์พฤติกรรมการรับชมของคนไทยในปีที่ผ่านมา พบว่าทั้งผู้ชมที่รับชมผ่านจอทีวีและจอดิจิทัลแทบจะเป็นกลุ่มเดียวกัน หมายถึงคนไทยรับชมคอนเทนต์ทีวี ทั้งผ่านจอทีวีแบบดั้งเดิมและจากอุปกรณ์ดิจิทัล โดยสัดส่วนช่วงเวลาและระยะเวลาการดูพบว่าจอทีวียังเป็นจอหลักที่คนไทยใช้เวลามากที่สุด โดยเฉพาะช่วงกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนโดยเฉพาะช่วงเวลาหลัง 4 ทุ่มเป็นต้นไป จะรับชมจากอุปกรณ์ดิจิทัลสะท้อน คนไทยเสพสื่อและคอนเทนต์ตลอดเวลา.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่