เปิดโผธุรกิจดาวรุ่ง-ร่วงปีมังกร “ซักผ้าหยอดเหรียญ-แก้ทรงเสื้อ” แรง “หอพัก” ซบ

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์สินค้าช่วงเทศกาลก่อนปีใหม่ ณ ห้างแม็คโคร สาขาแจ้งวัฒนะ ว่า บรรยากาศการซื้อขายสินค้าคึกคักมาก มีประชาชนจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้า ทั้งใช้อุปโภคบริโภค และมอบเป็นของขวัญปีใหม่จำนวนมาก โดยแม็คโครและโลตัสได้นำสินค้ามาจัดลดราคาจำนวนมาก ลดสูงสุด 50% เช่น อาหารสด อาหารแห้ง ซอสปรุงรส ข้าวสาร อาหารแปรรูป เครื่องดื่ม ไอศกรีม ของใช้ประจำวัน อุปกรณ์สำนักงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว ช่วยลดภาระค่าครองชีพได้เป็นอย่างดี และในวันที่ 20 ธ.ค.66 กรมจะคิกออฟงาน “พาณิชย์สั่งลุย พาณิชย์ลุยลุย ลดราคา New Year Mega Sale 2024” ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี Hall 9-10 ซึ่งจะมีจัดจำหน่ายสินค้าลดราคา ตั้งแต่วันที่ 20-24 ธ.ค.66 ถือเป็นงานลดราคาส่งท้ายปี เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน และช่วยห้างผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรได้มีช่องทางการระบายสินค้า

ด้านนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานีบริการ ช่วงข้อต่อกรุงเทพฯ และปริมณฑล มุ่งหน้าออกสู่ต่างจังหวัด และทั่วประเทศ เพื่อกำกับดูแลและตรวจสอบความถูกต้องมาตรวัด สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าได้รับน้ำมันเต็มลิตร ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.66 ได้ตรวจสอบความเที่ยงตรงมาตรวัดน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ปตท. สาขาสายเอเชีย บ้านเกาะ (ใหม่)-อยุธยา พีที สาขาบางปะหัน 4 และเชลล์ สาขาวังน้อย พบหัวจ่ายถูกต้อง ซึ่งกรมจะลงพื้นที่ต่อเนื่อง ทั้งก่อนและหลังเทศกาลปีใหม่ที่ประชาชนเดินทางกลับ

“ตั้งแต่เดือน ส.ค.66 กรมได้ตรวจสอบสถานีบริการน้ำมันทั้งหมด 12,500 แห่ง ตรวจหัวจ่าย 174,793 หัวจ่าย พบว่า มีหัวจ่ายที่ไม่ถูกต้อง 279 หัวจ่าย ซึ่งได้ดำเนินคดีแล้ว โดยขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด”

วันเดียวกัน นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยกลุ่มธุรกิจดาวรุ่งพุ่งแรงในหน้าที่เป็นธุรกิจในกลุ่มเอสเอ็มอี 6 อันดับ ได้แก่

1.ธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ที่มีอัตราเติบโตสูงถึง 1,925% ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่จากพื้นที่พักมีจำกัด ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องซัก-อบที่มีราคาสูง

2.การผลิตน้ำอัดแก๊สและโซดา เติบโต 1,109% หลังโควิดคลี่คลาย โดยมีรูปแบบแปลกใหม่มากขึ้น เช่น น้ำผลไม้ต่างๆ จากแต่ละท้องถิ่นที่นำมาอัดแก๊ส

3.ร้านตัดเย็บและซ่อมเครื่องแต่งกาย เช่นการแก้ทรงเสื้อ การตัดขากางเกง เติบโต 667% จากที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างชะลอตัว

4.กิจกรรมนันทนาการ เช่น ร้านขายเครื่องดนตรี ร้านเกม มีอัตราการเติบโต 349% จากการรวมตัวกันทำกิจกรรมบันเทิงได้หลังโควิด-19

5.บริการเกี่ยวกับงานศพครบวงจร เติบโต 285% เพราะไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยธุรกิจนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้ต่อเนื่อง

และ 6.ธุรกิจร้านเสริมสวย เติบโต 193% ผลจากการเริ่มฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ กิจกรรมบันเทิงและความงามยังคงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจ

สำหรับธุรกิจในกลุ่มที่ต้องเฝ้าระวัง ติดต่อกัน 2 ปีต่อเนื่อง คือในปีนี้และปีหน้า คือ ธุรกิจหอพักนักศึกษา เนื่องจากสถานศึกษาในระดับต่างๆ มีการเรียนการสอน แบบออนไลน์มากขึ้น รวมทั้งมีการเลือกพักห้องเช่าแบบอพาร์ตเมนต์และคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น

ส่วนธุรกิจที่เริ่มต้องเฝ้าระวังในปีหน้า เนื่องจากเคยเป็นกลุ่มที่เติบโตสูงจากปี 2566 แต่ในปีหน้ากลับชะลอตัวลงใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสอง หดตัว 82% เพราะสินค้ามือหนึ่งราคาถูกลงมาก 2.ธุรกิจขายงานฝีมือและของที่ระลึก เช่น เครื่องเงิน เครื่องจักสาน หดตัว 75% เนื่องมาจากการขายสินค้าในออนไลน์เป็นที่นิยม และ 3.ธุรกิจเกสต์เฮาส์หรือที่พักขนาดเล็ก หดตัวกว่า 65% เพราะนักท่องเที่ยวเริ่มนิยมห้องพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า หรือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบครอบครัวมากขึ้น.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่