“เศรษฐา” ขึ้นเวทีเห่กล่อม “กูเกิล” อยากเห็นต่อยอดดาต้าเซ็นเตอร์-คลาวด์-AI

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Google Digital Samart Thailand” เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 ว่า วันนี้ได้เห็นภาพชัดเจนของโครงการและการลงทุนต่างๆของกูเกิล (Google) โดยเฉพาะด้านปัญญาประดิษฐ์หรือ AI และคลาวด์ (Cloud) ซึ่งจะตอบโจทย์พันธกิจของกูเกิลในการช่วยพัฒนาคนไทยและธุรกิจไทยอย่างแน่นอน ในฐานะรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการทำงานเชิงรุก ที่สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย ซึ่งที่ผ่านมาพยายามดำเนินนโยบายเร่งด่วนมา และขอย้ำเสมอว่าประเทศไทยอยู่ท่ามกลางความท้าทายของสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน “ผมได้ออกไปเชิญนักธุรกิจทั่วโลกในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า ประเทศไทยเปิดแล้วสำหรับการทำธุรกิจ และเราจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดมุ่งหมายของการลงทุนของนักลงทุนชั้นนำ ยกระดับไปสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลนำ AI และคลาวด์เข้ามาพัฒนาการให้บริการประชาชน นำไปสู่การสร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูง”

ทั้งนี้ ต้องเล่าให้ฟังถึงการไปประชุมที่นิวยอร์กเมื่อเดือน ก.ย.2566 ได้พบปะกับประธานบริหารการลงทุนและประธานบริหารการเงินของกูเกิล หารือถึงการทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย จากนั้นคณะทำงานของทั้งสองฝ่าย ต่างทำงานเชิงรุกอย่างหนักจนบรรลุถึงบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ระหว่างไทยและกูเกิลที่การประชุมเอเปกกลางเดือน พ.ย.2566

โดยความร่วมมือที่ประกาศร่วมกัน4เรื่อง ได้แก่ การต่อยอดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การลงทุนขยายดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย การส่งเสริมการใช้คลาวด์และ AI อย่างมีความรับผิดชอบและปลอดภัยเพื่อยกระดับการให้บริการของภาครัฐ การวางหลักการเกี่ยวกับนโยบายการใช้งานระบบคลาวด์เป็นหลัก หรือที่เรียกว่า Cloud First Policies และการทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงทักษะด้านดิจิทัลได้มากขึ้น เพื่อเร่งให้เกิดการยกระดับการให้บริการในภาครัฐและเพิ่มขีดความสามารถของไทย

ส่วนเรื่องที่ 2 กำลังวางแนวทางจัดทำแผนให้หน่วยงานรัฐและที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพิ่มการป้องกันการคุกคามภัยทางไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ต้นปี 2567 จะเห็นแผนการทำงานที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเรื่องที่ 3 การเพิ่มและเสริมทักษะ โดยกูเกิลและกระทรวง รวมทั้งหน่วยงานราชการจะร่วมพัฒนาขีดความสามารถบุคลากรและหน่วยงานภาครัฐทั้งหมด ทำให้การบริการพี่น้องประชาชนได้ดียิ่งขึ้น โดยมีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่

ด้านนาย Karan Bajwa รองประธานกูเกิล คลาวด์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ผลการวิจัยพบว่า หากภาคส่วนและองค์กรต่างๆในประเทศไทยนำนวัตกรรม AI มาใช้งาน จะสามารถปลดล็อกผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้อย่างน้อย 2.6 ล้านล้านบาท ภายในปี 2573 อย่างไรก็ตาม ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิม ยังไม่สามารถรองรับการใช้งาน AI ยุคใหม่ได้ดีนัก กูเกิลจึงได้ร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการร่างนโยบาย Go Cloud First เพื่อช่วยให้หน่วยงานภาครัฐเข้าถึง AI ได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้ความร่วมมือกับกระทรวงดีอี กระทรวงคมนาคม และสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่

การช่วยให้คนไทยเข้าถึงทักษะดิจิทัลได้มากขึ้น ถือเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกโอกาสทางดิจิทัลให้กับทุกคน ท่ามกลางการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจดิจิทัลในไทย จากรายงานผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจฉบับล่าสุด มีการคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะต้องการแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลระดับสูงและระดับกลางเพิ่มอีก 600,000 คน ภายในปี 2570 เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้การลดช่องว่างด้านทักษะความสามารถทางดิจิทัลด้วยการฝึกอบรมทักษะดิจิทัล สามารถเพิ่มมูลค่าให้แก่เศรษฐกิจไทยได้มากถึง 1 ล้านล้านบาท ในปี 2573

ด้านนางแจ็คกี้ หวัง ผู้อำนวยการกูเกิล ประเทศไทย กล่าวว่า การที่ธุรกิจต่างๆในไทยนำผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ทํางานด้วยระบบ AI ของกูเกิลไปใช้ ทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 150,000 ล้านบาทในปี 2565 และยังส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจถึง 74,000 ล้านบาท และสนับสนุนการจ้างงานในประเทศทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 250,000 ตำแหน่ง.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่