หลังการแถลงนโยบายการทำงานของรัฐบาลต่อรัฐสภา เพื่อเริ่มต้นทำหน้าที่บริหารประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11-12 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรี “เศรษฐา ทวีสิน” ได้เดินหน้าทำงานทันที เพื่อคลอดมาตรการและแนวทางช่วยเหลือประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งลดราคาน้ำมันดีเซล ลดค่าไฟฟ้า ยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน รวมทั้งเร่งรัดนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และพักหนี้เกษตรกร
แต่เศรษฐกิจไทยสะสมปัญหาและความเปราะบางมายาวนาน ขณะที่ “ค่าครองชีพ” ยังคงสูงต่อเนื่อง
เพื่อเจาะลึกถึงปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง “ทีมเศรษฐกิจ” นสพ.ไทยรัฐ ได้สัมภาษณ์คนไทยหลากหลายอาชีพ เพื่อส่งต่อคำถามและความหวังของคนเหล่านี้ ไปสู่ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อปลุกความคิด พลิกอนาคต สร้างประเทศไทยที่สมบูรณ์แบบ : Future Perfect ไปด้วยกัน
มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
เริ่มต้นที่คอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหายาวนาน “เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” ต้องการให้นายกรัฐมนตรี เป็น “ฮีโร่” ของคนไทย ด้วยการลงมือปราบคอร์รัปชันที่ทำให้สังคมไทยเดือดร้อน โดยขอให้ผลักดันเป็น “วาระแห่งชาติ” และตั้งวอร์รูมขึ้นสู้ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วน
“เชื่อว่าท่านจะทำให้คอร์รัปชันในภาคการเมืองลดลงอย่างมาก ด้วยการควบคุมพฤติกรรมของนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล หวังว่าท่านจะทำให้คอร์รัปชันในภาคเอกชนลดลง ทั้งปรับปรุงกฎระเบียบราชการ สร้างความโปร่งใส ทำให้สังคมไทยเดือดร้อนลดลง โดยการที่ท่านนายกฯ นักการเมืองทุกระดับ ข้าราชการระดับสูง ตำรวจ ทหาร ทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมไทย ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งจะทำให้คอร์รัปชันในสังคมไทยคลี่คลาย”
ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร
นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)
ต่อเนื่องด้วยภาคการท่องเที่ยว “นายกสมาคมแอตต้า” ฝากให้ช่วยดูแลเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทย ต้องนำไปสู่ความยั่งยืน ขณะเดียวกัน เมืองไทยจะกินบุญเก่า โดยใช้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีอยู่ไปตลอดไม่ได้ ต้องพัฒนาและสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เพราะการแข่งขันกับประเทศต่างๆ มีอยู่ตลอดเวลา
“สิ่งสำคัญต้องส่งเสริมความเชื่อมั่น และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยเต็มที่ เพื่อให้ชาวต่างชาติรู้สึกถึงความปลอดภัย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำเบอร์ 1 คือ คนที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้ดีที่สุด โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตลาดจีน ที่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากมีการส่งข้อมูลผ่าน TikTok ว่ามาเมืองไทยแล้วจะถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ และขโมยอวัยวะ ซึ่งคนจีนที่อยู่ในเมืองรอง และไม่เคยมาไทยเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง”
สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์
รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
“เสนอให้รัฐบาลเร่งอนุมัติมาตรการ EV 3.5 ต่อเนื่องจาก EV 3.0 ที่จะสิ้นสุดปีนี้ จะได้นำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าในปี 67-68 ซึ่งผู้นำเข้าต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมาชดเชยในปี 69-70 ต่อจากปี 67-68 ที่ผู้นำเข้าตามมาตรการ EV 3.0 จะต้องผลิต”
นอกจากนี้ ต้องการให้สนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ, ติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ทั่วถึง ส่งเสริมดัดแปลงรถยนต์เก่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มรายได้ชุมชน ลดมลพิษรวมถึงการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไทย ซึ่งจะมีผลช่วยให้ไทยเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนเร็วขึ้น
ขณะเดียวกัน ต้องแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ สร้างคนให้มีความรู้ความสามารถเรื่องดิจิทัล เซมิคอนดักเตอร์ และเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจความเพียงพอด้านแรงงาน
“ทั้งหมดนี้ เมื่อรวมกับการลดภาระค่าครองชีพ ลดหนี้ จะทำให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้น บริโภคเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจเติบโต และไทยจะหลุดพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูงได้แน่นอน”
สุเมธ งามเจริญ
ประธานบริษัท เอ-พลัส ซัพพลาย จำกัด
ตามมาที่ภาคการค้า “สุเมธ งามเจริญ” กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตสินค้าขนาดกลางและเล็ก (SME) อยากให้เสริมสร้างความเข้มแข็งแบรนด์สินค้า SME ของไทยทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ และความยั่งยืนสู่เศรษฐกิจไทย โดยส่งเสริมและสนับสนุนสินค้า SME ไทย เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่างประเทศ ข้อตกลงการค้า สิทธิประโยชน์ต่างๆ กฎหมายและข้อบังคับของประเทศคู่ค้า พฤติกรรมผู้บริโภค ช่วยหาพันธมิตร และจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่การค้า ช่วยลดความเสี่ยงด้านต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้สินค้า SME ไทยขยายตัวสู่ตลาดโลกได้
“อี-คอมเมิร์ซ ก็มีความสำคัญที่ควรได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ในการสร้างหน่วยงานดูแลแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ เพื่อสนับสนุนการขายระหว่างประเทศ โดยรับรองว่า เว็บไซต์และร้านค้าออนไลน์มีมาตรฐานที่ดี รวมทั้งสนับสนุนการสร้าง SEO ให้สินค้าไทยติดอันดับต้นๆ ของการค้นหาบนอี-คอมเมิร์ซ”
วัชระ แก้วสว่าง (เสี่ยป๋อง)
นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไทย
ฝั่งตัวแทนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย “เสี่ยป๋อง” บอกว่า อยากให้นายกฯและรัฐบาลให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ ทางการเงิน การออม และการลงทุนให้กับเด็กรุ่นใหม่ โดยให้บรรจุลงในหลักสูตรการศึกษา เพราะจำเป็นมาก นอกจากนี้ ยังต้องการให้ฟื้นกองทุนการออมเพื่อการลงทุนในตลาดหุ้นระยะยาวอย่างกองทุน LTF ซึ่งนอกจากเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในหุ้นระยะยาว โดยได้สิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว ยังช่วยสร้างเสถียรภาพของตลาดหุ้นด้วย
“ขอบคุณนายกฯเศรษฐาที่ยืนยันว่าจะไม่เก็บภาษีขายหุ้นตลอด 4 ปีของวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของตนเอง”
อติรุจ อาษาศึก (หมอเอิร์ธ)
Full-time Influencer
ขณะที่ Influencer ชื่อดัง อดีตบุคลากรทางการแพทย์ “หมอเอิร์ธ” กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลดูแลบุคลากรทางการแพทย์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งในด้านค่าตอบแทนที่ควรมากขึ้น เวลาทำงานที่ควรลดลง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และมีตำแหน่งรองรับบุคลากรที่จะเพิ่มในอนาคตรองรับการใช้บริการที่มากขึ้นของประชาชน ยกระดับโรงพยาบาลรัฐให้เป็นที่พึ่งของประชาชนทั่วประเทศยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศอย่างเท่าเทียมกัน และทำให้ประชาชนเป็น “เศรษฐี”
“นโยบาย 30 บาทพลัส ดีมาก แต่ต้องพัฒนาระบบสาธารณสุข และบุคลากรทางการแพทย์ด้วย เพราะบุคลากรน้อยเกินไป รวมถึงพัฒนาระบบสาธารณสุขชนบทด้วย เพราะนโยบายรัฐ จะกระจายคนไข้ไปโรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้าน แต่บุคลากรทางการแพทย์กังวลว่า 30 บาทพลัส จะทำให้คนไข้กระจุกกันในโรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงเรียนแพทย์”
“หมอไก่ พาทินี”
หมอดูชื่อดังประจำไทยรัฐทีวี
สำหรับสิ่งที่ “หมอไก่ พาทินี” อยากฝากถึงท่านนายกฯคนใหม่ คือ เรื่องการศึกษา เพราะถือเป็นรากฐานของประเทศ ปัจจุบันการศึกษาไทยมีบางอย่างที่อาจจะไม่สอดคล้องกับสภาวะสังคมในปัจจุบัน
จึงอยากฝากให้มีการเรียนบางอย่างที่ช่วยให้เยาวชนสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้แบบไม่ต้องไปลองผิดลองถูก เช่น ความรู้เกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี การลงทุนในกองทุน หุ้น ทองคำ การจราจร การขับขี่รถประเภทต่างๆ ในขั้นพื้นฐาน ความรู้การเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบัน เป็นต้น รวมถึงฝึกอาชีพที่อาจต่อยอดอาชีพเพิ่มเติม เช่น การเกษตร ดนตรีและการขับร้อง เป็นต้น เพราะหากมีความรู้ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ย่อมเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศก้าวหน้าในระยะยาว
วนัชพร เต๋จะกาศ
นักศึกษาปีที่ 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ต่อเนื่องที่ “นักเรียน นักศึกษา” ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากต่ออนาคตของประเทศ “วนัชพร เต๋จะกาศ” มองเช่นเดียวกับ “หมอไก่” อยากให้นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญระบบการศึกษาของประเทศอย่างจริงจัง
เพราะขณะนี้ลูกคนรวยมีโอกาสเรียนในโรงเรียนดีๆ สอนภาษาต่างประเทศตั้งแต่เด็ก แต่เด็กยากจน แม้ได้เรียนฟรี แต่ค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากค่าเทอม ค่ารถ ค่าอาหารกลางวัน ถือเป็นต้นทุนที่สูง
“นอกจากนั้น อยากให้รัฐบาลเร่งเชื่อมต่อรถไฟฟ้าทุกสาย ราคา 20 บาท โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดหากจะกลับภูมิลำเนาต้องเดินทางหลายต่อ อย่างหนูบ้านอยู่บางนา เดินทางมาสถานีหมอชิต 2 ด้วยความยากลำบาก เพราะต้องต่อรถไฟฟ้าและรถเมล์ อยากให้ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วต่อรถทัวร์เพื่อไปต่างจังหวัดได้เลย”
สมพงษ์ เถื่อนแท้
พนักงานทำความสะอาด
ส่วนภาคแรงงาน ตัวแทนผู้มีรายได้น้อย “สมพงษ์ เถื่อนแท้” ฝากความหวังอยากให้รัฐบาลมีมาตรการพิเศษดูแลผู้สูงอายุให้มากกว่านี้ และเพิ่มเบี้ยคนชราให้อีก เพราะคนชราที่ไม่มีลูกหลานเลี้ยงดูจะลำบากมาก อยากให้ลดค่าครองชีพอย่างจริงจัง และรวดเร็ว โดยเฉพาะลดราคาสินค้า รวมถึงลดค่าโดยสารสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพราะคนส่วนใหญ่จำเป็นต้องใช้
เพราะทุกวันนี้ราคาข้าวของแพงมาก คนหาเช้ากินค่ำ หรือรับจ้างรายวัน รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เงินเดือนก็ไม่ขึ้นหลายปีแล้ว
“ตัวเองแม้ทำงานในกรุงเทพฯ แต่ที่บ้านยังทำนา ทุกวันนี้ ต้นทุนของเกษตรกรสูงมากจากราคาปุ๋ย ยาฆ่าหญ้า ฆ่าแมลง รถไถ รถเกี่ยวอีก แม้ราคาข้าวดีขึ้น แต่ชาวนาไม่ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง หมดไปกับต้นทุน หรือไม่ก็เมื่อขายได้ต้องเอาไปใช้หนี้ร้านขายปุ๋ย ขายยาจนแทบไม่เหลือ แล้วก็อยากให้เร่งแก้ปัญหาหนี้เกษตรกรด้วย”
อารี ตากาศ
ชาวสวนลำไย จังหวัดลำพูน
ต่อที่อีกอาชีพที่ขาดไปไม่ได้สำหรับประเทศไทย เพราะถือเป็นกระดูกสันหลังของชาติ “อารี ตากาศ” บอกถึงมุมความยากลำบากของเกษตรกร ว่า “ต้องรอน้ำฟ้าน้ำฝน ทำให้ผลผลิตไม่ได้ดี ราคาปุ๋ยก็แพง”
จึงอยากให้รัฐบาล ทำแหล่งน้ำให้เกษตรกร สำหรับเพาะปลูก แหล่งน้ำบริโภคที่สะอาด นอกจากนั้น หากรัฐบาลต้องการให้เกษตรกรใช้ระบบสูบน้ำด้วยแผงโซลาร์เซลล์ ก็ต้องส่งเสริมให้ราคาถูกลง และหาซื้อง่าย เพราะทุกวันนี้ ไม่รู้ซื้อที่ไหน และต้องทำอย่างไร จะขุดเจาะบ่อบาดาล ก็ลำบาก เพราะที่ดินไม่มีโฉนด จึงอยากให้ช่วยเรื่องที่ดินทำกินของเกษตรกรจริงจัง เพราะถ้าน้ำดี จะทำเกษตรกรรม ปลูกพืชผักอะไรขาย ก็สามารถทำได้
กฤติยา เขตรกรณ์
ร้านอาหารตามสั่ง ซอยเฉยพ่วง
ส่วนตัวแทนอาชีพพ่อค้าแม่ค้า อย่าง “แม่นิด” กฤติยา บอกว่า อยากให้นายกฯช่วยทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพื่อทำให้ประชาชน โดยเฉพาะคนจน คนรากหญ้า รวมถึงคนชั้นกลางมีรายได้เพิ่มขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และฝากให้ดูแลราคาสินค้าจำเป็นที่มีผลต่อค่ากินค่าอยู่ ค่าครองชีพด้วย เพราะตอนนี้วัตถุดิบทำอาหารราคาปรับขึ้นมาก แม้กระทั่งข้าวสาร ไข่เป็ด ไข่ไก่ ค่าแก๊ส ค่าไฟ ทำให้ต้นทุนร้านอาหารตามสั่งสูงขึ้น
“แม้ราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้น แต่ร้านของตนไม่ได้ขึ้นราคา เห็นใจลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนงานหาเช้ากินค่ำ ตั้งแต่รากหญ้า คนงานก่อสร้าง คนงานรับจ้าง พนักงานออฟฟิศ แต่ที่ร้านขายดี พอมีกำไรเหลือ ก็ถือว่าพออยู่ได้ ช่วยเหลือกันไป”
จิตราภา สรงประภา
MC-Pretty
ปิดท้ายที่อาชีพ MC และพริตตี้ “จิตราภา” ฝากถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันให้ช่วยแก้ไขปัญหายาเสพติด เพราะในสังคมไทยทุกวันนี้ วัยรุ่น และเยาวชนใช้สารเสพติดจำนวนมาก และแพร่หลาย ทำให้เกิดอาชญากรรมมากมาย อยากให้ช่วยแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน.
ทีมเศรษฐกิจ
คลิกอ่านคอลัมน์ "สกู๊ปเศรษฐกิจ" เพิ่มเติม