เก็บภาษีเอดีเหล็กรีดร้อนต่อ 5 ปี ทตอ.ถอย! ไม่ดึงดันยกเลิกหลังผู้ผลิตรุมค้าน

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เก็บภาษีเอดีเหล็กรีดร้อนต่อ 5 ปี ทตอ.ถอย! ไม่ดึงดันยกเลิกหลังผู้ผลิตรุมค้าน

Date Time: 13 มิ.ย. 2566 06:40 น.

Summary

  • ทตอ. ยอมถอย! ไม่ยุติเก็บอากรเอดีเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากบราซิล อิหร่าน ตุรกี สั่งเก็บต่ออีก 5 ปี เหตุถ้าเลิกเก็บอาจทำให้การทุ่มตลาดกลับมาอีก จากก่อนหน้านี้ออกคำวินิจฉัยให้เลิกเก็บแล้ว แต่ผู้ผลิตเหล็กในประเทศรุมค้านหนัก

Latest

Credit Scoring กับการเติบโตของเศรษฐกิจ

ทตอ. ยอมถอย! ไม่ยุติเก็บอากรเอดีเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากบราซิล อิหร่าน ตุรกี สั่งเก็บต่ออีก 5 ปี เหตุถ้าเลิกเก็บอาจทำให้การทุ่มตลาดกลับมาอีก จากก่อนหน้านี้ออกคำวินิจฉัยให้เลิกเก็บแล้ว แต่ผู้ผลิตเหล็กในประเทศรุมค้านหนัก จับตาเหล็กชนิดเดียวกันจากจีน มาเลเซียจะยกเลิกหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.66 ราชกิจจานุเบกษาลงประกาศคณะกรรมการพิจารณาการทุ่มตลาดและการอุดหนุน (ทตอ.) เรื่อง ผลการพิจารณาทบทวนความจำเป็นในการบังคับอากรตอบโต้การทุ่มตลาดต่อไป ตามมาตรา 57 พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน ซึ่งสินค้าต่างประเทศ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กรณีเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วนจากบราซิล อิหร่าน และตุรกี ซึ่งมีผลให้เรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) เหล็กดังกล่าว ความหนา 0.9-100 มิลลิเมตร (มม.) และความกว้าง 100-3,200 มม. รวม 126 พิกัดภาษีศุลกากร จาก 3 ประเทศอัตราเดิม เป็นเวลา 5 ปีจนถึงเดือน มิ.ย.71 โดยสินค้าจากบราซิลถูกเก็บอากร 34.40% ของราคาซี ไอ เอฟ (ราคาสินค้ารวมค่าประกันและค่าขนส่ง) ส่วนอิหร่าน 7.25-38.27% และตุรกี 6.88-38.23%

สำหรับประกาศ ทตอ.ครั้งนี้ เป็นการกลับมติจากก่อนหน้านี้ ทตอ.ได้พิจารณาความจำเป็นของการเก็บอากรเอดีสินค้าดังกล่าวจาก 3 ประเทศต่อหรือไม่ หลังเก็บมาแล้วตั้งแต่ปี 59-64 และมีคำวินิจฉัยเบื้องต้น ให้ยุติเก็บเพราะเห็นว่า ปี 64 การนำเข้าลดลง และไม่พบการทุ่มตลาดในไทย พร้อมส่งคำวินิจฉัยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ความเห็น

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ รวมถึงสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คัดค้านคำวินิจฉัย เพราะหากยุติเก็บอากร อาจทำให้ 3 ประเทศกลับมาทุ่มตลาดไทยได้อีก (ขายสินค้าในประเทศผู้ผลิตในราคาต่ำกว่าที่ขายในไทย) โดยเฉพาะบราซิล และตุรกีที่มีเป้าหมายผลิตเหล็กเพื่อส่งออก และทำให้ความเสียหายของผู้ผลิตเหล็กในประเทศกลับมา หรือฟื้นคืนได้อีก ขณะที่กลุ่มผู้ใช้อ้างว่าได้รับผลกระทบจากการเสียภาษีเอดีสำหรับการนำเข้าเหล็กจาก 3 ประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้น นำมาสู่การปรับขึ้นราคาสินค้า จนผู้บริโภคได้รับผลกระทบ หรือบางรายสู้ต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ไหว ก็ไม่นำเข้าและกระทบยอดขาย โดยเหล็กดังกล่าวใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก ทตอ.นำความเห็นทั้งหมดมาพิจารณาใหม่ ได้ออกคำวินิจฉัยใหม่เมื่อวันที่ 8 พ.ค.66 ว่า การยุติเรียกเก็บอากรเอดีจะทำให้มีการทุ่มตลาด และความเสียหายต่อไป หรือฟื้นคืนมาได้อีก จึงให้เรียกเก็บอัตราเดิมต่ออีก 5 ปี แต่ให้ยกเว้นกับ 1.ผู้ประกอบอุตสาหกรรมและผู้ประกอบพาณิชยกรรมที่นำเข้าสินค้าไปในเขตประกอบการเสรี เพื่อใช้ผลิตหรือเพื่อส่งออก ภายใต้ กฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทย 2.ผู้ได้รับการส่งเสริมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุนที่นำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออก และ 3.การนำเข้ามาผลิตเพื่อการส่งออกภายใต้กฎหมายว่าด้วยศุลกากร

ส่วนเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน จากจีนและมาเลเซีย ที่ไทยเก็บอากรเอดีตั้งแต่ปี 54-59 และต่ออายุเก็บอีกครั้งในปี 59-64 โดยสินค้าจากมาเลเซีย เก็บที่ 23.57-42.51% ส่วนจีน เก็บที่ 30.91% และกรมการค้าต่างประเทศ ได้พิจารณาทบทวนความจำเป็นของการเก็บอากรเอดีต่อหรือไม่มาตั้งแต่ปี 65 ตามที่ผู้ผลิตเหล็กในประเทศยื่นเรื่องขอให้ทบทวนนั้น จนถึงขณะนี้ยังพิจารณาไม่เสร็จ แต่กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กต้องการให้เก็บอากรเอดีต่อ เพราะหากยกเลิก อาจทำให้เกิดการทุ่มตลาด และความเสียหายฟื้นคืนมาได้อีก ที่สำคัญปัจจุบัน การใช้เหล็กในประเทศของจีนชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจ และการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้จีนส่งออกเหล็กราคาต่ำไปทั่วโลก.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ