แนะปลูกต้นไม้ยืนต้นและการเลี้ยงสัตว์เพื่อการออม

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า การออมที่ไม่ใช่ตัวเงิน เป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ในอนาคตได้ เช่น การออมในรูปแบบการปลูกไม้ยืนต้นและการเลี้ยงสัตว์ แต่การจะส่งเสริมให้คนหันมาออมในรูปแบบนี้ต้องปรับกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงาน และอาศัยความร่วมมือของคนในชุมชน รวมทั้งการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ

ทั้งนี้ เพราะการออมทรัพย์ด้วยการปลูกไม้ยืนต้น ซึ่งเป็นไม้เศรษฐกิจและไม้ท้องถิ่น แม้ให้ผลตอบแทนถึง 17.90% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหลายเท่า และสร้างประโยชน์ได้มาก แต่ยังมีอุปสรรค คือกฎระเบียบที่ยังไม่เอื้ออำนวย เช่น พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 ที่ห้ามเคลื่อนย้ายเลื่อยโซ่ยนต์ ข้ามเขต, มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 25 ม.ค.2537 ที่กำหนดให้ตั้งโรงงานแปรรูปได้เฉพาะไม้ 13 ชนิด และไม้ยางพารา

นอกจากนี้ การใช้ไม้มีค่าเป็นหลักประกันทางธุรกิจยังมีไม่มากนัก เพราะขาดหลักเกณฑ์การประเมินราคา ต้นไม้ และการตรวจสภาพต้นไม้ในช่วงการให้สินเชื่อ ส่วนการออมด้วยการเลี้ยงสัตว์ เช่น โค กระบือ สุกร แม้เปรียบเหมือนการออมของชาวบ้าน เพราะกว่าจะขายได้ต้องใช้เวลาเลี้ยง เช่น โค กระบือ ที่ต้องอายุ 5 ปีขึ้นไปจึงจะขายได้ตัวละ 25,000-50,000 บาท และสุกรประมาณ 1 ปี จึงจะขายได้ตัวละ 8,000-9,000 บาท แต่การเลี้ยงสัตว์เพื่อการออม ยังไม่ได้รับการยอมรับมากนัก ส่วนใหญ่จะเน้นขายและการบริโภคในครัวเรือน.