ช่วยฟื้นส่งออกขึ้นจากหลุม สศช.แนะรัฐบาลใหม่เร่งเจรจาการค้าเสรี

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ช่วยฟื้นส่งออกขึ้นจากหลุม สศช.แนะรัฐบาลใหม่เร่งเจรจาการค้าเสรี

Date Time: 18 พ.ค. 2566 08:00 น.

Summary

  • สศช.คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้โต 2.7% ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ส่วนปริมาณการค้าโลกลดเหลือ 2.1% ส่งออกไทยจ่อติดลบ แนะรัฐบาลใหม่เร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี เพิ่มโอกาสส่งออกสินค้า

Latest

Credit Scoring กับการเติบโตของเศรษฐกิจ

สศช.คาดเศรษฐกิจโลกปีนี้โต 2.7% ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ส่วนปริมาณการค้าโลกลดเหลือ 2.1% ส่งออกไทยจ่อติดลบ แนะรัฐบาลใหม่เร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี เพิ่มโอกาสส่งออกสินค้า

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2566 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากในปี 2565 โดย สศช.คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะขยายตัวได้ 2.7% ปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่เศรษฐกิจโลกขยายตัวได้ 3.4% จากแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และการค้าในประเทศเศรษฐกิจหลักของโลกที่คงเผชิญกับแรงกดดันที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลายข้อไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวลง แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และแรงกดดันทางด้านปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอนส่งผลต่อปริมาณการส่งออกและการค้าโลก

สศช.คาดว่าปริมาณการค้าโลกในปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 2.1% ลดลงจากปี 2565 ที่ขยายตัวได้ 5.1% ซึ่งจะส่งผลต่อภาคการส่งออกทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย โดยคาดว่าการส่งออกของไทยในปีนี้จะหดตัวประมาณ 1% เมื่อคิดจากมูลค่าการส่งออกในรูปเงินดอลลาร์ฯ ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่การส่งออกขยายตัวได้ 4.2%

สำหรับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่และคู่ค้า ของไทยส่วนใหญ่มีแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากในปีที่ผ่านมา หรืออยู่ในระหว่างฟื้นตัวกลับมาภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แก่ สหรัฐฯที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวได้ 0.9% ขยายตัวลดลงจากปี 2565 ที่ขยายตัว 2.1% ส่วนประเทศในกลุ่มยูโรโซนคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้เพียง 0.5% เท่านั้น ลดลงจากปีก่อนที่ขยายตัวได้ 3.5% ส่วนจีนคาดจะขยายตัวได้ประมาณ 4.9% และญี่ปุ่นในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่ขยายตัวได้ 1%

“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความไม่แน่นอนในหลายเรื่อง รวมทั้งปริมาณการค้าโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ส่งผลกระทบกับภาคการส่งออกของไทยที่มีการติดลบต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้แก้ไขปัญหาของภาคการส่งออกของไทยถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง โดย สศช.ได้บรรจุประเด็นนี้ไว้ในประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของรัฐบาลด้วยว่า ในช่วงที่เหลือของปี 2566 รัฐบาลควรให้ความสำคัญ การขับเคลื่อนภาคการส่งออกสินค้า การเร่งรัดการส่งออกสินค้าไปยังตลาดที่ยังเติบโตได้ในเกณฑ์ดี และการสร้างตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลาง เอเชียใต้ และอาเซียน การแก้ไขปัญหาการค้าชายแดนเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อให้สามารถส่งออกนำเข้าสินค้าได้ง่ายขึ้น

ขณะเดียวกันรัฐบาลใหม่ควรเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรีที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของ การเจรจา และเตรียมศึกษาเพื่อเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญใหม่ควบคู่ไปกับการศึกษามาตรการกีดกันทางการค้าทั้งมาตรการภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษีของตลาดคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะมาตรการที่เกี่ยวข้องทางด้านสิ่งแวดล้อม สุขอนามัย รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเตรียมการและนำไปสู่การหาแนวทางเจรจาต่อรองต่อไป

นอกจากนั้น ยังควรให้ความสำคัญกับการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการส่งออก โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตร อาหารและสินค้าอุตสาหกรรม ให้มีคุณภาพและมาตรฐานตรงตามความต้องการและข้อกำหนดของประเทศผู้นำเข้า ควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิตโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อยกระดับผลิตภาพการผลิตมากขึ้นเพื่อให้สินค้าส่งออกของประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในระยะยาวด้วย.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ