ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการโรงแรมระบุธุรกิจทยอยฟื้นตัว อยากให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไปให้ความสำคัญต่อภาคท่องเที่ยวเป็นลำดับต้น ต้องการมาตรการกระตุ้นต่อเนื่อง และวางรากฐานเพื่อความยั่งยืนสู่อนาคต
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการที่พักแรม เดือน เม.ย.2566 ที่ร่วมจัดทำกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำรวจระหว่างวันที่ 10-25 เม.ย. มีผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 81 แห่ง ระบุว่าจากการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว ทำให้ 29% ของผู้ตอบมีจำนวนลูกค้าต่างชาติกลับมาสู่ระดับก่อนโควิด-19 แล้ว และอีก 27% คาดว่าจะกลับมาเป็นปกติภายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ขณะที่โรงแรมบางส่วนประเมินว่าลูกค้าต่างชาติจะกลับมาเท่ากับก่อนโควิด-19 ได้ในปี 2567 โดยส่วนใหญ่คาดว่าเป็นช่วงไตรมาส 1 หรือไตรมาส 4 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว โดยมีสัดส่วนที่ 16% และ 15% ตามลำดับ
“นับถอยหลังสู่การเลือกตั้งภาคเอกชนธุรกิจโรงแรมและธุรกิจเชื่อมโยง ต้องการให้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป ให้ความสำคัญต่อภาคการท่องเที่ยวเป็นลำดับต้น และวางรากฐานการท่องเที่ยวเพื่อความยั่งยืนสู่อนาคต และขอให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้องมาร่วมขับเคลื่อนการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวเป็นเซ็กเตอร์สำคัญ สร้างรายได้หลักแก่ประเทศไทย โรงแรมส่วนใหญ่ยังต้องการให้มีมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว เช่น โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ต้องการให้ลดภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับธุรกิจท่องเที่ยวเหลือ 5% ดูแลเรื่องการเพิ่มเที่ยวบิน และการบริหารจัดการสนามบินให้เพียงพอต่อการรับนักท่องเที่ยว ดูแลอัตราค่าโดยสารเครื่องบินที่ยังอยู่ระดับสูง เพราะเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจมาท่องเที่ยว”
ทั้งนี้ ผู้ตอบยังได้ประเมินอัตรากำไรสุทธิ ในปัจจุบันเทียบกับก่อนเกิดโควิด-19 ด้วย พบว่าโรงแรม 60% มีอัตรากำไรสุทธิในปัจจุบันยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ขณะที่ 32% ของผู้ตอบมีอัตรากำไรสุทธิใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด และอีก 8% มีอัตรากำไรสุทธิมากกว่าช่วงก่อนโควิด
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 กว่า 58% ของผู้ตอบมีแผนจะลงทุนในปีนี้ ยังไม่แน่ใจ 25% และไม่มีแผนลงทุน 17% ส่วนประเด็นเม็ดเงินลงทุน กลุ่มโรงแรมที่มีแผนลงทุน ส่วนใหญ่กว่า 77% จะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดย 28% ของผู้ตอบระบุว่าจะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่า 20% ขณะที่ 26% ของผู้ตอบจะใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 11-20% ส่วนอีก 23% ของผู้ตอบจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 10% ด้าน 13% ของผู้ตอบระบุว่าจะใช้เงินลงทุนเท่ากับปีก่อน โดยโรงแรมส่วนใหญ่ 87% เน้นลงทุนเพื่อปรับปรุงหรือซ่อมแซมห้องพัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รองลงมาเป็นการลงทุนด้านระบบไอทีและซอฟต์แวร์ 38% การลงทุนระบบ Auto mation 19% การลงทุนขยายอาคาร หรือสาขา 9% และการควบรวมและเข้าถือกิจการ 2% ด้านข้อจำกัดหรืออุปสรรคในการลงทุน ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มองว่าต้นทุนบริหาร เช่น ค่าแรง ค่าไฟ เป็นอุปสรรคในการลงทุนอันดับแรก
ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้น ถ้าหากมีการจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างรวดเร็วก็จะส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบ และระบบเศรษฐกิจของประเทศก็อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง โดยขณะนี้เศรษฐกิจดูดีขึ้น การขับเคลื่อนที่ผ่านมาจากท่องเที่ยวบริการ ตอนนี้กลับมาคึกคักก่อนช่วงโควิด-19 ไปแล้ว ส่วนปริมาณธุรกรรมในช่วงนี้ ก็ได้เห็นความคึกคักเช่นกัน และเป็นไปตามกลไกตลาด.