สมาคมแต้จิ๋ว ขอรัฐสนับสนุนแรงงานในภาคอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รองรับนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ที่น่าจะเดินทางเข้าประเทศไทยมากถึง 5-7 ล้านคน
จากเหตุการณ์เมื่อครั้งประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เดินทางมาร่วมประชุมเอเปก 2022 ในประเทศไทย เมื่อปลายเดือน พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา ไม่ใช่แต่เพียงการต้อนรับผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอย่างสมเกียรติเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการได้รับความประทับใจจากมาดามเผิง ภริยาของประธานาธิบดี สี ที่ได้รับการเซอร์ไพรส์จากเค้กวันเกิดที่ผู้นำฝ่ายไทยมอบให้ในงานเลี้ยงด้วย
ความประทับใจนี้ จุดประกายความหวังว่า บรรยากาศด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และธุรกิจที่สดใสกำลังจะกลับมาเหมือนเดิมในเร็ววัน หลังจากที่ต้องเผชิญวิกฤติโควิด-19 ระบาดจนทำให้รัฐบาลจีนสั่งปิดประเทศยาวนานถึง 3 ปี และหากความคาดหวังนี้เกิดขึ้นตามมาในเวลาอันใกล้ นักธุรกิจทั้งไทยและจีน จะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรุกอย่างมีกลยุทธ์ด้วย
นายชิม ชินวิริยกุล นายกสมาคมแต้จิ๋วแห่งประเทศไทย เล่าถึงความรู้สึกประทับใจที่มีโอกาสได้จับมือต้อนรับประธานาธิบดี สี เมื่อครั้งเดินทางมาร่วมประชุมเอเปกในประเทศไทยว่าท่าทีของประธานาธิบดี สี ทำให้มองเห็น พลังแห่งความสัมพันธ์ไทย-จีนที่จะแน่นแฟ้นมากขึ้นนับจากนี้ไป
“ผมเชื่อว่า ประเทศจีนจะมีขนาดของเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากประเทศไทยมีบรรยากาศการลงทุนที่ดี เหตุการณ์ต่างๆ เป็นไปอย่างเรียบร้อย ก็จะจูงใจนักลงทุนจีนทั้งจากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ตลอดจนถึงชาวจีนที่ลงทุนอยู่ในประเทศอื่นๆ ตัดสินใจเดินทางมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เพราะขณะนี้ ผมทราบว่า ชาวจีน ที่อยู่ในประเทศต่างๆ ยังมองเห็นไทยเป็นประเทศน่าเข้ามาลงทุนอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค”
อย่างไรก็ตาม โจทย์สำคัญ คือ ในประเทศไทยยังต้องการแรงงานอีกมาก รัฐบาลจึงควรประสานการจัดหากลุ่มแรงงานถูกกฎหมายเข้าประเทศ เพื่อทำงานในภาคที่ต้องใช้แรงงานหนัก เพราะขณะนี้ต้องยอมรับว่า เรายังขาดแรงงานจำนวนมาก
ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย ก็จะเติบโตได้อีกมาก จึงต้องหาแรงงานเพื่อรองรับการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยต่อเนื่องไปด้วยดีนับจากนี้
ทั้งนี้ ภาพของการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย น่าจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากเมื่อจีนเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา การเดินทางเป็นไปอย่างคึกคัก จนคาดการณ์ว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยมากถึง 25 ล้านคน ในจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 1 ใน 5 หรือประมาณ 5-7 ล้านคน
ความมั่นใจนี้ มาจากความนิยมชมชอบประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจีน จนเป็นนักท่องเที่ยวหลักที่มาเที่ยวไทยจำนวนมากที่สุด และทะลุ 10 ล้านคน ในช่วงปี 2561-2562 มาแล้วในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ยังพบด้วยว่านักท่องเที่ยวจีนมีการใช้จ่ายอย่างหลากหลายทั้งการซื้อสินค้า และบริการอย่างน่าสนใจ
จากข้อมูลของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในปี 2562 มีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเดินทางมาไทยมากที่สุดเมื่อเทียบกับชาติอื่น โดยมีจำนวนถึง 11,138,658 คน ระยะเวลาที่พำนักในประเทศไทยเฉลี่ย 7-8 วัน โดยมีค่าใช้จ่ายต่อคน 6,118.41 บาทต่อวัน สร้างเม็ดเงินสะพัดในประเทศไทยมากถึง 531,576 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดในค่าใช้จ่าย แบ่งเป็น ช็อปปิ้ง 167,050.69 ล้านบาท ความบันเทิง 40,421.47 ล้านบาท เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว 27,583.63 ล้านบาท ที่พักอาศัย 132,141.87 ล้านบาท อาหาร และเครื่องดื่ม 102,743.52 ล้านบาท การเดินทางในประเทศไทย 47,566.43 ล้านบาท การรักษา และดูแลสุขภาพ 5,320.54 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 8,748.50 ล้านบาท
จากตัวเลขดังกล่าว จึงไม่ยากที่ภาคธุรกิจ ต้องเร่งคว้าโอกาสทองนี้ไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อความสัมพันธ์ ระหว่างไทยกับจีน มีความแน่นแฟ้นต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน ความคาดหวังที่เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก จะเติบโตจากการขยับตัวของมังกรจีนรอบนี้ จึงไม่ไกลเกินเอื้อม.