หอการค้าไทย-จีน จับมือ สภาวัฒนธรรมไทย-จีน และไทยรัฐกรุ๊ป ร่วมสร้างสะพานเชื่อมต่อสัมพันธ์นักธุรกิจไทย-จีนทั่วโลก เพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุน ตลอดจนถึงการท่องเที่ยวหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐ
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน และคณะกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดโอกาสให้ ไทยรัฐกรุ๊ป ประกอบด้วย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ไทยรัฐทีวี และไทยรัฐออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษกรณีเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้ประกอบการชาวจีนจากทั่วโลก หรือ The World Enterpreneurs Convention(WCEC) ในช่วงเดือนมิถุนายนของปีนี้ว่า การประชุมดังกล่าวเป็นความร่วมมือกันระหว่างหอการค้าสิงคโปร์-จีน, หอการค้าฮ่องกง-จีน และหอการค้าไทย-จีน ในฐานะผู้ริเริ่มความร่วมมือระหว่างชาวจีนที่อยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกให้มีโอกาสได้ร่วมทำการค้าขายระหว่างกัน และให้การช่วยเหลือกันในยามเศรษฐกิจเกิดปัญหา รวมถึงเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด
ประธานหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า นับเป็นจังหวะที่ดีเมื่อรัฐบาลกลางของจีน ประกาศเปิดประเทศเมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ชาวจีนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมีโอกาสจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาส ด้วยการร่วมกันผลักดันให้ผู้ประกอบการชาวจีนเร่งพัฒนาตนให้ต่อยอดร่วมกับเทคโนโลยีทันสมัยของจีนแผ่นดินใหญ่ได้ ในเวลาเดียวกันก็ให้ความร่วมมือในการลงทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจีน เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกไปพร้อมๆ กัน
การประชุมผู้ประกอบการชาวจีนโลก (WCEC) นี้ จะมีขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 24-26 มิ.ย. 66 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติ โดยจะมีนักธุรกิจชาวจีนจากทั่วโลก และจากประเทศจีนเข้าร่วมกว่า 3,000 คน “ผมเชื่อว่า นี่เป็นโอกาสดีที่หอการค้าไทย-จีนจะมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย หลังการแพร่ระบาดของโควิด และสำคัญที่สุดคือเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้นักธุรกิจจีนจากทั่วโลกได้พบปะกันหลังจากที่ต้องห่างเหินกันไปนานถึง 3 ปีเพราะปัญหาโควิด”
นายณรงค์ศักดิ์ ยังเชื่อด้วยว่า การประชุมที่จะเชื่อมโยงชาวจีนทั่วโลกเข้ามารวมตัวกันอีกครั้งในประเทศไทย จะมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 3,000 คน และจะนำพาผู้ประกอบการจากหลากหลายธุรกิจของจีนเข้ามายังประเทศไทยมากมายไม่ว่า จะเป็นธุรกิจใหม่อย่าง รถยนต์ไฟฟ้า เครื่องจักรกล การเกษตร อุตสาหกรรมเคมี และอื่นๆ ซึ่งอาจทำรายได้เข้าประเทศไทยได้สูงถึง 40,000 ล้านบาท เพราะผู้เข้าร่วมประชุมจะพาผู้ติดตาม และครอบครัวเดินทางมาประเทศไทยด้วย ตลอดจนถึงการลงทุนหลายด้านที่จะตามมา จากความต้องการสานต่อแนวคิดการเชื่อมโยงไทย-จีน และภูมิภาคต่างๆ เข้าด้วยกันของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
“ช่วงต้นของการเปิดประเทศ อาจจะมีพวกนักเรียน นักศึกษา กลับเข้ามาเรียนกันใหม่หลังจากที่ต้องเรียนทางออนไลน์มานาน นอกจากนี้ ก็จะเป็นพวกที่ขอมาเยี่ยมญาติ ช่วงต่อไป ผมเชื่อว่า คนจีนจะเดินทางมาเยือนประเทศ ไทยมากกว่าจะไปประเทศอื่นซึ่งมีความเข้มงวดเรื่องการตรวจเชื้อไวรัสโควิดเกินไป และมีหลายประเทศที่ไม่ต้องการให้คนจีนเดินทางไปท่องเที่ยว ตรงนี้คนจีนก็รู้ตัวกันดี และไม่มีใครอยากไปในประเทศที่เขาไม่ต้องการ ทำให้เชื่อว่าประเทศแรกที่คนจีนอยากมามากที่สุดคือ ประเทศไทย”
ด้านนายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า หากประเทศไทยรักษาความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนได้อย่างดี มีความเข้าใจในกันและกันเหมือนพี่น้อง “ผมก็เชื่อมั่นว่า การค้า การลงทุน ตลอดจนถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่จากจีน จะหลั่งไหลเข้ามายังประเทศไทยจำนวนมาก ก็เหมือนเราคบเพื่อนนั่นแหละ เพื่อนที่ไม่เอาไหน เราก็ไม่ควรไปคบด้วย”
ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน สำทับต่อไปว่า การเพิ่มความร่วมมือในหลายด้านระหว่างไทยกับจีน เป็นความสำคัญต่อประเทศไทยอย่างมาก มูลค่าทางการค้าของประเทศไทย กับประเทศจีนที่อยู่ระหว่าง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อาจเพิ่มขึ้นเป็น 400,000-500,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้ภายในระยะเวลาเพียง 2-3 ปีเท่านั้นหากไทยกับจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
“นักท่องเที่ยวในธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยอาจเพิ่มขึ้นจาก 40 ล้านคนเป็น 50 ล้านคนในเวลาไม่ไกลเกินไป หากรัฐบาลไทยแก้ไขปรับปรุงระบบภาษี ศุลกากร และยกระดับความสัมพันธ์ในหลายรูปแบบกับประเทศจีน นั่นจะทำให้เกิดคุณูปการต่อประเทศไทยอย่างมาก” นายพินิจ กล่าว