การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก หลังการระบาดของโควิด-19 ที่สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมหาศาลครั้งร้ายแรงที่สุดจะมากกว่าความสูญเสียจากสงครามโลกในอดีตด้วยซ้ำ ซ้ำเติมด้วย วิกฤติพลังงาน จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่มีแนวโน้มลากยาว ทำให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ กระตุ้นให้การใช้เทคโนโลยีแทนกำลังคน มาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม ภาคอุตสาหกรรม อาหารยารักษาโรค ธุรกิจพลังงานทดแทน มาแทนภาคการผลิตหรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ ขยายตัวกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจการค้าอาวุธสงคราม ก็ยังเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศที่สร้างความขัดแย้งให้เกิดสงครามอยู่ในขณะนี้
เพราะฉะนั้น การท่องเที่ยว การบริการ การส่งออก หรือสินค้าต้นทุนสูง ฟุ่มเฟือย จะไม่ใช่สินค้าหลักที่ทำรายได้ของประเทศ อีกต่อไป ธุรกิจการบิน การขนส่งขนาดใหญ่ ก็มีผลกระทบไปด้วย รายได้ที่จะเข้าประเทศเป็นหลักจึงเป็นเรื่องของอาหารและยา จากสูงสุดคืนสู่สามัญ ภาคการเกษตร จึงมีความจำเป็นสำหรับประเทศที่ยังไม่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยี แต่ เทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้ในภาคการเกษตรมากขึ้น ต่อไปในอนาคตภาคแรงงานจะกลายเป็นปัญหาใหญ่มาก
เรายังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องของเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยน ที่อาจจะต้องเลือกระหว่างเงินหยวนของจีน หรือเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯสำหรับอุปสรรคในการทำการค้าของอนาคต ราคาพลังงาน ที่ยังมีทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน ที่ต้องจริงจังมากกว่านี้ ก๊าซธรรมชาติก็ยังเป็นพระเอกของธุรกิจพลังงานอยู่ดี
สิ่งที่ ภาครัฐ จะต้องเร่งแก้ไขโดยเร็วที่สุดคือ การลดภาระค่า ครองชีพของประชาชน รวมถึงภาระของภาคอุตสาหกรรมการผลิตด้วย ค่าน้ำค่าไฟ และถ้าจะมองถึงปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ก็ควรจะสนับสนุนด้วย จะช่วยส่งเสริมให้คนทั่วไปมีทางออกในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพมากขึ้น
รัฐไปขึ้นค่าไฟฟ้าหรือ ตัดโครงการคนละครึ่งออกไป แล้วไปส่งเสริมให้คนเที่ยวมากขึ้นช็อปปิ้งมากขึ้น เท่ากับเป็นการตีโจทย์ที่ผิด โครงการใหญ่ๆในปีหน้าไม่ว่าจะเป็น โครงการรถไฟความเร็วสูง หรือ โครงการดาวเทียม ไม่ได้ช่วยให้ จีดีพี โตขึ้นหรือสร้างเม็ดเงิน สร้างรายได้เข้าประเทศได้โดยตรง
ปัญหาปากท้อง ปัญหาหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ จากที่ต้องกู้เงินมาใช้ในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา กระทบไปถึงหนี้ครัวเรือน ที่อยู่ในอัตราที่สูงมากเกินกว่าร้อยละ 50 เป็นปัญหาใหญ่ รัฐอยู่ในสภาพ เตี้ยอุ้มค่อม ไม่ได้ตลอดไป
การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน จึงเป็นยุทธศาสตร์ชาติที่มีความจำเป็นเร่งด่วน จะรอการท่องเที่ยว การส่งออก การบริการ การดึงเม็ดเงินลงทุนแบบเดิมๆ ในขณะที่ประเทศอื่นๆมีศักยภาพที่พร้อมกว่า มีแรงจูงใจมากกว่า เราอาจจะมีแค่ตัวเลข แต่ไม่มีรายได้ ตัวเลขการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจโลกในอัตราที่ต่ำ อุปสรรคทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น บวกกับความไม่เข้มแข็งของทีมเศรษฐกิจ ถึงเวลาอาจจะต้องเผาจริง.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th