นักลงทุนไทยชอบหุ้น ESG พบ 80% ซื้อขายหุ้นยั่งยืนอย่างน้อย 1 บริษัท

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

นักลงทุนไทยชอบหุ้น ESG พบ 80% ซื้อขายหุ้นยั่งยืนอย่างน้อย 1 บริษัท

Date Time: 28 ต.ค. 2565 15:03 น.

Video

วิธีเอาตัวรอดของ Wikipedia ไม่พึ่งโฆษณา ไม่มีค่าสมาชิก แต่อยู่มาได้ 23 ปี | Digital Frontiers

Summary

  • SET เผยการศึกษา พบ นักลงทุนบุคคลไทยชอบหุ้น ESG พบ 80% ซื้อขายหุ้นยั่งยืนอย่างน้อย 1 บริษัท

Latest


SET เผยการศึกษา พบ นักลงทุนบุคคลไทยชอบหุ้น ESG พบ 80% ซื้อขายหุ้นยั่งยืนอย่างน้อย 1 บริษัท

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET ได้จัดทำรายงาน นักลงทุนบุคคลไทยใครสนใจหุ้นยั่งยืน หรือ ESG Seeker โดยระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 มีบริษัทจดทะเบียนไทย 155 บริษัท ที่ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นองค์ประกอบในดัชนีความยั่งยืนสากลของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) MSCI-ESG หรือได้รับคัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment)

โดยแบ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม SET100 และ Non-SET100 ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน และมีการกระจายตัวในเชิงกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งหุ้นยั่งยืนดังกล่าวได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน สอดคล้องตามทิศทางของตลาดการลงทุนโลกที่นักลงทุนต่างใส่ใจในเรื่องของ ESG (Environmental-Social-Governance) มากขึ้น

ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 ตลาดหุ้นไทยมีนักลงทุนที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นรวม 5.54 ล้านบัญชี หรือ 2.27 ล้านคน 1 โดย นักลงทุนบุคคลทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกรวม 0.89 ล้านคน มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 35,487 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นทั้งตลาด

ทั้งนี้ พบว่า 79% ของนักลงทุนบุคคลดังกล่าวซื้อขายหุ้นยั่งยืนอย่างน้อย 1 บริษัท และมีมูลค่าซื้อขายหุ้นยั่งยืนเฉลี่ยสูงถึงวันละ 14,245 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นของนักลงทุนบุคคลทั้งหมด

คำถามที่น่าสนใจต่อไปคือ นักลงทุนบุคคลสนใจหุ้นยั่งยืนเหมือนกันทุกกลุ่มหรือไม่ ใครสนใจมากหรือน้อยแตกต่างกันอย่างไร

ในมุม generation พบว่า หุ้นยั่งยืนเป็นที่นิยมของบุคคลในทุก generation โดยมากกว่า 70% ของคนในแต่ละ generation ต่างซื้อขายหุ้นยั่งยืนในพอร์ต และยิ่งสูงอายุขึ้นยิ่งมีแนวโน้มที่จะสนใจและกระจายมูลค่าซื้อขายให้หุ้นยั่งยืนมากขึ้นด้วย

นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบในเชิงประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นของแต่ละบุคคลแล้ว พบว่านักลงทุนที่มีประสบการณ์เริ่มซื้อขายมาก่อนปี 2564 สนใจและกระจายการซื้อขายให้หุ้นยั่งยืนมากกว่านักลงทุนใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดมาเริ่มซื้อขายในช่วง 2 ปีหลังอยู่บ้าง

แต่ในมุม retail segment มีความสนใจหุ้นยั่งยืนที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยบุคคลกลุ่ม Fundamental Group ซึ่งนิยมหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่หรือหุ้นที่ให้ปันผลสูง พบว่ามากกว่า 85% ของบุคคลทุก segment ในกลุ่มนี้ซื้อขายหุ้นยั่งยืน และกระจายมูลค่าซื้อขายให้สูงถึง 60-80% เลยทีเดียว ขณะที่บุคคลในกลุ่ม Risk Group กระจายมูลค่าซื้อขายให้หุ้นยั่งยืนเพียง 15-25%


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ