ไทยเที่ยวไทย ทยอยฟื้นตัว คาดปี 65 เม็ดเงินจากท่องเที่ยวอยู่ที่ 6.0 แสนล้าน

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไทยเที่ยวไทย ทยอยฟื้นตัว คาดปี 65 เม็ดเงินจากท่องเที่ยวอยู่ที่ 6.0 แสนล้าน

Date Time: 30 ก.ย. 2564 11:33 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 20 เดือนที่ผ่านมา ทำให้รายได้การท่องเที่ยวไทย ลดลงกว่า 3.55 ล้านล้านบาท หรือ ลดลงกว่า 79%

Latest


  • โควิดระบาด 20 เดือน รายได้การท่องเที่ยวไทย ลดลงกว่า 3.55 ล้านล้านบาท
  • จุดพลุ ไทยเที่ยวไทย ทยอยฟื้นก่อน คาดปี 2565 รายได้ท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 6.0 แสนล้านบาท
  • แนะผู้ประกอบการเน้นตลาดนักท่องเที่ยวไทย ส่วนภาครัฐทยอยผ่อนคลายนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างระมัดระวัง

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics ได้ประเมินผลกระทบการระบาดของโรคโควิด-19 ต่อภาคการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา พร้อมทำการวิเคราะห์แนวโน้มท่องเที่ยวไทย หลังคลายล็อกดาวน์ให้คนไทยเที่ยวได้ และข้อเสนอแนะต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาครัฐเพื่อพลิกฟื้นการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืน ดังนี้

โควิดระบาด 20 เดือน รายได้การท่องเที่ยวไทย ลดลงกว่า 3.55 ล้านล้านบาท 

โดยสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยปี 2562 ซึ่งเป็นปีที่ยังไม่มีการแพร่ระบาด รายได้จากการท่องเที่ยวไทยรวมอยู่ที่ 2.73 ล้านล้านบาท หลังจากนั้นเป็นต้นมาเริ่มมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น ทำให้รายได้การท่องเที่ยวไทยในปี 2563 ลดลงเหลือ 0.79 ล้านล้านบาท หรือหดตัวมากถึง 71% เมื่อเทียบกับปี 2562 และยังได้รับผลกระทบต่อเนื่อง โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค.-ส.ค.) รายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 0.14 ล้านล้านบาท หรือหดตัวลง 92% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562

เมื่อรวมผลกระทบนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 20 เดือน ม.ค. 63-ส.ค. 64 เทียบกับระดับรายได้ปกติปี 2562 พบว่ารายได้จากการท่องเที่ยวไทย ลดลงไปแล้วกว่า 3.55 ล้านล้านบาท หรือลดลงมากถึง 79% โดยส่วนใหญ่เป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ลดลง 2.38 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 67% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวคนไทย ลดลง 1.17 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 33%

จากการศึกษาผลกระทบการระบาดของโรคโควิด-19 ต่อภาคการท่องเที่ยวไทยพบว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากโควิด-19 ทำให้ประเทศไทยจำกัดการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและแต่ละประเทศต่างก็ไม่อนุญาตให้พลเมืองของตนเองออกนอกประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง ในขณะที่นักท่องเที่ยวคนไทย แม้ลดลงไปบ้างแต่ก็ไม่ได้หายไปเลย หากไม่มีการแพร่ระบาดอย่างมากจนถึงขั้นที่ภาครัฐประกาศล็อกดาวน์ คนไทยก็ยังออกมาท่องเที่ยวกันอยู่

เมื่อพิจารณาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบประเมินจากโครงสร้างรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยพบว่า ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก ได้แก่

1. โรงแรมและที่พัก ลดลง 8.8 แสนล้านบาท

2. ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ลดลง 7.7 แสนล้านบาท

3. ร้านขายของที่ระลึก ลดลง 7.0 แสนล้านบาท

4. สถานบันเทิง ลดลง 4.7 แสนล้านบาท

5. บริการรับส่งนักท่องเที่ยว ลดลง 3.4 แสนล้านบาท

6. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ลดลง 2.7 แสนล้านบาท

7.บริการอื่น ๆ ลดลง 1.2 แสนล้านบาท

สำหรับจังหวัดท่องเที่ยวหลักที่ได้รับผลกระทบสูงสุด โดยรายได้ลดลงมากกว่า 80% ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี กระบี่ สุราษฎร์ธานี และพังงา ซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวลดลงรวมกันกว่า 2.81 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 79% ของรายได้ที่หายไปทั้งหมด 3.55 ล้านล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่ที่หายไปมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก

สำหรับจังหวัดอื่นๆ ที่มีการพึ่งพิงนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มากนักพบว่ารายได้ลดลง 64% เนื่องจากในช่วงที่มีการระบาดน้อยและภาครัฐผ่อนคลายการล็อกดาวน์ลง ทำให้คนไทยสามารถเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวได้บ้าง

จุดพลุ ไทยเที่ยวไทย ทยอยฟื้นก่อน คาดปี 65 รายได้ท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 6.0 แสนล้าน

จากการที่ภาครัฐเดินหน้าเปิดประเทศตามแผนที่วางไว้ในเดือน ต.ค. 64 เบื้องต้นคือ การคลายล็อกดาวน์ให้คนไทย สามารถท่องเที่ยวได้ เพื่อมุ่งหวังว่าจะสามารถช่วยพลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ พร้อมเปิด 2 โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว ได้แก่ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และ ทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใช้สิทธิ์จองโรงแรมที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค. 64 จนถึง 23 ม.ค. 65 และเริ่มเข้าพักได้วันที่ 15 ต.ค. เป็นต้นไป จนถึง 31 ม.ค. 65

สำหรับการเปิดประเทศนำร่องให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยตามรอย 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) พังงา (เขาหลัก เกาะยาว) และกระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ คลองม่วง ทับแขก) ที่ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่เดือน ก.ค. 64 หลังจากนี้ ภาครัฐจะทยอยเปิดจังหวัดนำร่องท่องเที่ยวต่อเนื่องอีก 10 จังหวัดในเดือนพ.ย. 64 และเปิดเพิ่มอีก 20 จังหวัดในเดือนธ.ค. 64 และในเดือน ม.ค. 65 จะเปิดเพิ่มอีก 13 จังหวัด จะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวไทยให้ดีขึ้นได้

ทั้งนี้ ttb analytics ประเมินว่าการคลายล็อกดาวน์จะส่งผลทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวกลับมาได้บ้าง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยจะเริ่มทยอยฟื้นตัวกลับมาก่อน เนื่องจากในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วง High Season ประกอบกับการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐจะทำให้คนไทยกลับมาท่องเที่ยวได้บ้าง ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าการฟื้นตัวยังถูกจำกัด เนื่องจากการเปิดประเทศถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือน พ.ย.

โดยการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องวางแผนล่วงหน้าก่อนเข้ามาท่องเที่ยว ทำให้คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาได้เร็วที่สุดคือ ต้นเดือน ธ.ค. ทำให้ภาพรวมปี 2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมเพียง 1 แสนคนเท่านั้น จากปีก่อนที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 6.7 ล้านคน ทำให้คาดว่าปี 2564 รายได้จากการท่องเที่ยวจากคนไทยและต่างชาติรวมกันจะอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท โดยอัตราเข้าพักโรงแรมคาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.8%

สำหรับแนวโน้มปี 2565 คาดว่า รายได้นักท่องเที่ยวโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนล้านบาท และอัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ 23.8% ภายใต้สมมติฐานไม่มีการล็อกดาวน์อีก แต่มีมาตรการการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention)

เช่น เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่ สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวที่สัมผัสบ่อยๆ ฯลฯ

- นักท่องเที่ยวไทยจะเป็นกลุ่มที่ฟื้นต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ทำให้อัตราการเข้าพักโรงแรมของนักท่องเที่ยวไทยในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 19.8% ดีขึ้นจากปี 2564 โดยเฉลี่ย 14.1% ทำให้คาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 4.6 แสนล้านบาท

- นักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยฟื้นกลับมา ส่วนใหญ่มาจากลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เนื่องจากประชากรมีการฉีดวัคซีนครบโดสและเริ่มเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออก คาดว่าปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยจำนวน 3 ล้านคน ทำให้อัตราการเข้าพักที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% จากปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.7% เท่านั้น และคาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท

- พื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญที่จะฟื้นตัวก่อนจะเป็นกลุ่มที่พึ่งนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก ได้แก่ ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมปี 2565 จะทยอยกลับมาอยู่ระหว่าง 32.7-43.3% เทียบกับศักยภาพอัตราการเข้าพักโรงแรมที่เคยทำได้ในปี 2562 อยู่ระหว่าง 66-74%

- พื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญที่พึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ได้แก่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี กระบี่ กรุงเทพฯ และสงขลา คาดว่าอัตราการเข้าพักโรงแรมในปี 2565 จะค่อนข้างต่ำอยู่ระหว่าง 11.3-27.2% เทียบกับศักยภาพอัตราการเข้าพักโรงแรมที่เคยทำได้ในปี 2562 อยู่ระหว่าง 66-83% ถือว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เพราะเน้นกลุ่มต่างชาติเป็นหลัก

แนะผู้ประกอบการเน้นตลาดนักท่องเที่ยวไทย 

ผู้ประกอบการควรหันมาดึงนักท่องเที่ยวไทยให้มากขึ้นได้ในระหว่างที่รอให้มีการผ่อนปรนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา นอกจากนี้ จำเป็นต้องปฏิบัติตามแนวทางการเข้าใช้บริการตามมาตรการปลอดภัย (Covid Free Setting) เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด และให้เปิดกิจการได้อย่างปลอดภัย ได้แก่

1. ทำความสะอาดทันทีทั้งก่อนและหลังการให้บริการ โดยทำความสะอาดทุกพื้นที่ทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง

2. นำพนักงานทั้งหมดเข้าฉีดวัคซีน และจัดหา Antigen Test Kit (ATK) เพื่อตรวจให้พนักงานทุก 7 วัน

3. จัดทำระบบการเข้ารับบริการ และจัดพื้นที่เข้าใช้บริการไม่ให้หนาแน่นจนเกินไป

4. คัดกรองผู้เข้าใช้บริการโดยต้องผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส หรือเป็นผู้ที่เคยมีประวัติการติดเชื้อมาแล้ว 1-3 เดือนและรักษาหายแล้ว มาตรการดังกล่าวจะช่วยทำให้เกิดความปลอดภัยจากการติดเชื้อในสถานประกอบการ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้

ส่วนภาครัฐควรสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ที่พึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากเป็นกลุ่มเปราะบางที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ พยุง และหาทางออกให้ ทั้งด้านการอำนวยความสะดวกในการหารายได้ของผู้ประกอบการ เช่น พิจารณาผ่อนปรนให้พื้นที่ที่มีการระบาดไม่มากให้ประชาชนสามารถท่องเที่ยวได้ และการขยายพื้นที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยความระมัดระวัง

เช่นเดียวกับ กรณีโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ รวมถึงพิจารณาช่วยเหลือด้านการเงิน ได้แก่ พิจารณาการเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ยังพอดำเนินกิจการได้ การพักชำระหนี้ หรือ การให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจนไม่สามารถดำเนินกิจการได้ เข้าร่วมโครงการพักทรัพย์พักหนี้กับธนาคารพาณิชย์ เพื่อรอวันที่ผู้ประกอบการกลับมาทำธุรกิจได้ดังเดิม เมื่อการแพร่ระบาดบรรเทาลง


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ