ยุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน กับการยกเครื่องควบคุมเศรษฐกิจของจีน

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ยุทธศาสตร์วงจรคู่ขนาน กับการยกเครื่องควบคุมเศรษฐกิจของจีน

Date Time: 11 ก.ย. 2564 05:07 น.

Summary

  • บริษัทเอกชนหลายแห่งในจีนกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ภายหลังที่รัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มข้นในการคุมการทำธุรกิจของบริษัทจีนผ่านการออกกฎเกณฑ์ต่างๆ

Latest

Credit Scoring กับการเติบโตของเศรษฐกิจ

ธนันธร มหาพรประจักษ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทเอกชนหลายแห่งในจีนกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ภายหลังที่รัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มข้นในการคุมการทำธุรกิจของบริษัทจีนผ่านการออกกฎเกณฑ์ต่างๆ (regulatory risk) ทั้งการผูกขาดทางการค้า การทำธุรกิจ และการควบคุมการนำข้อมูลผู้บริโภคไปใช้โดยเฉพาะกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ทำไมอยู่ดีๆ รัฐบาลจึงหันมาเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้ บางขุนพรหมชวนคิดจึงขอใช้โอกาสนี้พูดถึงแนวทางการบริหารเศรษฐกิจจีนยุคใหม่ที่อาจจะเป็นเหตุผลเบื้องหลังในเรื่องนี้ค่ะ

ในงานการฉลองพรรคคอมมิวนิสต์จีนครบรอบ 100 ปี ทางการจีนได้ประกาศแผนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจระยะ 5 ปี (ปี 2564–2568) ที่มีเป้าหมายให้เศรษฐกิจขยายตัวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน แทนการเน้นที่เป้าตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ภายใต้แผนนี้จีนจะกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้เติบโตในระยะยาวด้วย กลยุทธ์แบบผสมผสานให้มีการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน (Dual circulation) ที่มีความสมดุลของเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ โดยเศรษฐกิจภายในประเทศจะค่อยๆลดการพึ่งพาปัจจัยการผลิตและเทคโนโลยีขั้นสูงจากต่างประเทศ ผ่านการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงของจีนเอง รวมทั้งสนับสนุนด้านการเงิน ปรับหรือออกกฎเกณฑ์ที่เอื้อต่อบริษัทในประเทศ และเสริมสร้างการบริโภคในประเทศให้แข็งแกร่งและมีการกระจายรายได้ที่ทั่วถึง สำหรับเศรษฐกิจภายนอกประเทศ เน้นใช้จุดแข็งของภาคเอกชนจีน ไปหารายได้และรักษาส่วนแบ่งตลาดส่งออก โดยที่ไม่เผยแพร่ข้อมูลที่อาจเป็นผลเสียต่อเชิงกลยุทธ์และความมั่นคงของจีน

ภายใต้แผนดังกล่าว ทางการจีนได้เริ่มจัดระเบียบภายในเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ บริษัทในภาคเอกชนจีนต้องอยู่ในกรอบหรือกฎเกณฑ์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ คือ 1.ไม่ปิดบังข้อมูลต่อรัฐบาล และต้องไม่นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้เพื่อความได้เปรียบด้านการแข่งขันธุรกิจกับบริษัทอื่นๆ จนเกิดการผูกขาดทางการค้า 2.ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ต้องไม่ขัดกับแนวทางการพัฒนาประเทศ ในมิติเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึง 3.บริษัทในภาคเอกชนจีนต้องอยู่ในกรอบที่รัฐบาลวางไว้ และไม่วิจารณ์การทำงานหรือผลงานรัฐบาล

การเคลื่อนไหวของรัฐบาลจีนในช่วงที่ผ่านมาจึงค่อนข้างเข้มข้นและกระจายไปในหลายกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี เช่น การสั่งให้ถอดแอปพลิเคชันของ Didi ที่ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ที่เพิ่งเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยเหตุผลว่าบริษัทมีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง การลงดาบบริษัทเทคโนโลยีด้านบันเทิงอย่างกลุ่ม Tencent ให้ยกเลิกสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียวในการถือครองลิขสิทธิ์เพลง เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดในธุรกิจ ล่าสุดรัฐบาลจีนออกคำสั่งในธุรกิจสถานศึกษาและสถาบันกวดวิชาต่างๆ ให้ปรับรูปแบบเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร เพราะค่าใช้จ่ายของครอบครัวด้านนี้ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับรายได้เฉลี่ยของครอบครัว ทำให้คนจีนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก และส่งผลให้แนวโน้มประชากรจีนลดลงมาต่อเนื่อง ซึ่งขัดกับแนวทางการพัฒนาประเทศ และอาจเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตจากโครงสร้างประชากรที่บิดเบี้ยวได้

การควบคุมหรือการออกกฎข้อบังคับของจีน ในระยะสั้นแม้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะตลาดทุนจากความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น แต่หากมองอีกมุมหนึ่งทางการจีนเองมุ่งหวังให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นเพื่อให้โอกาสบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางเติบโตได้ และทำให้เกิดเสถียรภาพกับการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว

มาถึงตรงนี้จึงต้องติดตามต่อไปว่า ยังมีจุดอ่อนใดในอุตสาหกรรมหรือบริษัทต่างๆของจีนที่ทางการมองว่าผิดไปจากปรัชญาการบริหารเศรษฐกิจที่เหมาะสมในระยะยาวหรือไม่ ซึ่งย่อมสร้างความไม่แน่นอนและกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อไปค่ะ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ