ปีที่แล้ว โควิดระบาดรอบเปิดซิง ส่งผลกระทบเศรษฐกิจไทยทรุดหนักเป็นประวัติการณ์ ฉุดจีดีพีปี 2563 ติดลบต่ำสุดติ่งถึง 6.1 เปอร์เซ็นต์ เลวร้ายที่สุดในรอบ 22 ปี!!
รัฐบาลนายกฯลุงตู่มั่นใจว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะพลิกกลับมาวิ่งปร๋อเหมือนเดิม
จะดันจีดีพีประเทศไทยให้เขย่งเก็งกอยกลับมาบวกได้ 4 เปอร์เซ็นต์!!
แต่วิบากกรรมซ้ำรอย ดันเกิดโควิดระบาดรอบ2ช่วงเทศกาลตรุษจีน
และโควิดระบาดใหญ่รอบ 3 ช่วงเทศกาลสงกรานต์
ยืดเยื้อมาแล้ว 5 เดือนยังน็อกโควิดไม่ลง!!
เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปเป้าหมายจะดันจีดีพีปีนี้ให้พลิกเป็นบวก 4 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
และถ้าอีก 2 เดือนจากนี้ไปวิกฤติโควิดยังไม่คลี่คลาย
จีดีพีปี 2564 อาจติดลบซ้ำอีกปี??
เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล
“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่า เมื่อโควิดระบาดรอบ 2 ช่วงต้นปี สภาพัฒน์ปรับลดเป้าจีดีพีปีนี้เหลือบวก 3.5 เปอร์เซ็นต์
หลังจากนั้นยังลดเป้าจีดีพีเหลือบวก 2.5 เปอร์เซ็นต์
แต่ถ้าเปรียบเทียบวิกฤติโควิดปีนี้กับปีที่แล้วมันแตกต่างกัน กระดูกคนละเบอร์
เพราะปีก่อน จำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งปีไม่ถึง 2 หมื่นคน
แต่ปีนี้ผ่านไปแค่ 7 เดือน ยอดผู้ป่วยสะสมบานเบิกไปกว่า 6 แสนคน
ข้อสำคัญ มาตรการล็อกดาวน์ปีนี้ลากยาวกว่าปีก่อนเท่าตัว ทำให้เศรษฐกิจที่บาดเจ็บเรื้อรังตั้งแต่ปีที่แล้วยิ่งทรุดหนักถึงขั้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
ต้องปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอีกหลายปี กว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นกลับมาอยู่ที่จุดเดิม
“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่แปลกใจที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วยสภาหอการค้าไทย สมาคมธนาคาร และสมาคมอุตสาหกรรมไทย มีมติปรับลดเป้าจีดีพีปีนี้ จากบวก 1.5 เปอร์เซ็นต์
เป็นติดลบ 1.5 เปอร์เซ็นต์!!
โดยที่ประชุม กกร.เห็นตรงกันว่า วิกฤติเศรษฐกิจปีนี้ “ถลำลึก” กว่าที่คาดไว้มาก
ภาคธุรกิจเอกชนอ่อนล้าบอบช้ำหนักจนยากจะฟื้นฟูเยียวยา
หนี้ครัวเรือนประชาชนเพิ่มสูงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี
หนี้รัฐบาลบานทะโร่ทะลุเพดาน 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี
การขยายมาตรการล็อกดาวน์ 29 จังหวัดอีก 1 เดือน เกิดความเสียหายเศรษฐกิจถึง 4 แสนล้านบาทโดยประมาณ ฯลฯ
“แม่ลูกจันทร์” ย้ำว่า ถ้าเศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่ย่ำแย่จริงๆกกร.ภาคเอกชน เป็นคอหอยลูกกระเดือกกับ “นายกฯลุงตู่” คงไม่กล้าประกาศลดเป้าจีดีพีให้กระเทือนซางรัฐบาล
นี่ขนาดเกรงใจ...กกร.ยังให้จีดีพีติดลบ 1.5 เปอร์เซ็นต์
ถ้าไม่เกรงใจ จีดีพีปีนี้จะติดลบเท่าไหร่??
ทายกันเองแล้วกันนะโยม.
“แม่ลูกจันทร์”