นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า หลังการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ทำให้การท่องเที่ยวหยุดลงอีกครั้ง ส่งผลกระทบภาคบริการ โดยเฉพาะโรงแรมจึงต้องการให้รัฐช่วยเหลือเร่งด่วน 3 ข้อ ได้แก่ 1.ชดเชยค่าจ้างให้พนักงาน เพื่อรักษาการจ้างงาน 2.ลดค่าไฟฟ้า 15% และผ่อนชำระค่าไฟจนถึงสิ้นปี 64 และ 3.เร่งฉีดวัคซีนให้บุคลากรภาคท่องเที่ยว และประชาชนในจังหวัดเสี่ยงสูง และจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อให้ธุรกิจกลับมาเปิดได้ ซึ่งจะทำให้การจ้างงานเพิ่มและเศรษฐกิจจังหวัดกลับมา “ข้อเสนอเหล่านี้ เป็นข้อเรียกร้องเดิม พูดเรื่องเดิมกว่าปีครึ่ง เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ”
ส่วนธุรกิจโรงแรมในไทยยังเปิดอยู่ 50% อีก 50% ปิดตัวแล้ว โรงแรมปิดตัวถาวรมากสุดน่าจะอยู่ภาคใต้ เป็นโรงแรมขนาดกลางลงไป และน่าจะปิดตัวเพิ่มอีก หลังรัฐควบคุมการระบาดเข้มข้นขึ้น “โรงแรมขนาดกลาง เงินทุนกำลังจะขาดแล้ว การฟื้นฟูต้องใช้เวลากว่า 2 ปี หรือตั้งแต่ปี 65-66 จึงจะทยอยฟื้นกลับมา อยากให้รัฐบาลให้การช่วยเหลือคือ ช่วง 6 เดือนแรกปี 65 อยากให้พักชำระเงินต้นและหยุดดอกเบี้ย หาแหล่งเงินทุนให้กู้ระยะยาว ดอกเบี้ยต่ำ”
สำหรับโครงการโกดังพักหนี้ โรงแรมเข้าร่วมน้อย เพราะบางสถาบันการเงินตั้งเงื่อนไข เช่น ต้องเป็นลูกหนี้ชั้นดีเท่านั้น ทำให้นโยบายไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เข้าถึงยาก ส่วนธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (เอสเอ็มอี) เสนอให้หาแหล่งเงินทุนแบบตั้งเงื่อนไขการกู้ผ่านการค้ำประกันไขว้ระหว่างธุรกิจ “ถ้าวัคซีนยังฉีดได้น้อย การฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวจะยืดเวลาออกไปอีก แต่หวังว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะเริ่มต้นได้ไตรมาส 4/64 ถ้าไม่ทันต้องรอไปปี 65”
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) กล่าวว่า ได้ออกมาตรการสนับสนุนพิเศษให้ธุรกิจท่องเที่ยว เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำได้ นำร่องช่วยเหลือเอสเอ็มอีท่องเที่ยวในจังหวัดเปิดการท่องเที่ยวแบบแซนด์บ็อกซ์ เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา ฯลฯ รวมถึง 10 จังหวัดควบคุมสูงสุด เช่น สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash กู้สูงสุด 3 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปีใน 2 ปีแรก ผ่อนนาน 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 12 เดือน และสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.875% ต่อปี ใน 3 ปีแรก กู้สูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนาน 7 ปี.