แม้รัฐบาลจะประกาศล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเข้าประเทศภายใต้โครงการ “สมุย พลัส โมเดล” ที่จะเริ่มต้นวันที่ 15 ก.ค.นี้ยังเดินหน้าต่อไป
หลังการเริ่มต้น “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ในวันที่ 1 ก.ค.2564 จนถึงวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล ข้ามทวีป มาลงที่เกาะภูเก็ตแล้ว 3,287 คน ในจำนวนนี้ได้รับการตรวจสวอบเพื่อคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 พบ 1 คน ซึ่งถูกส่งเข้าโรงพยาบาลตามระบบทันที
ขณะที่อีก 13 คนที่มาพร้อมเที่ยวบินเดียวกันต้องปรับจากการเข้าพักในโรงแรมที่จองไว้มาอยู่ในโรงแรมสถานกักกันทางเลือก (ALQ) แทน และต่อมาได้ขออนุญาตคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดภูเก็ตบินกลับประเทศต้นทางคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อค่ำคืนวันที่ 9 ก.ค.
ทั้ง 13 คนนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะหาทางเชิญกลับมาในอนาคต เพื่อชดเชยการไม่ได้เที่ยวภูเก็ตเพราะถูกจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง
ขณะที่ยอดจองของ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงวันที่ 9 ก.ค.2564 มียอดการจองห้องพักในโรงแรมที่ได้รับเครื่องหมายมาตรฐานความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย (SHA+) 155,736 คืน ท่ามกลางการนั่งลุ้นของชาวภูเก็ต ในการควบคุมภูมิคุ้มกันหมู่ภายในจังหวัดไว้ให้ได้ อันเนื่องมาจากเป็นโมเดลเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องถูกกักตัว ที่ทั่วโลกจับตามอง
ถ้าทำได้สำเร็จตลอดรอดฝั่ง จะนำมาซึ่งการเริ่มต้นฟื้นตัว ฟื้นเศรษฐกิจ ของเมืองท่องเที่ยวนานาชาติแห่งนี้ แต่ก็ท้าทายมาก เพราะในพื้นที่อื่นของประเทศไทยมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ข้ามจากเกาะภูเก็ต ในฐานะ “ไข่มุกอันดามัน” มาอีกฝั่งทะเลของไทย มีเกาะสมุย ภายใต้ฉายา “สวรรค์กลางอ่าว” พร้อม เกาะพะงัน เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลกอีกแห่ง ได้ประกาศพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาสัมผัสความงามของแหล่งท่องเที่ยวในอีกรูปแบบที่มีความสงบและเป็นส่วนตัว
ภายใต้โครงการ “สมุย พลัส โมเดล” จะแตกต่างจาก “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ที่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ เมื่อได้รับการคัดกรองไม่พบการติดเชื้อก็สามารถเดินทางไปได้ทั่วเกาะภูเก็ตจนครบ 14 วัน จึงจะออกไปพื้นที่อื่นในประเทศไทยได้ ที่เกาะสมุยจะเข้มงวดกว่า โดย 7 วันแรก นักท่องเที่ยวต้องเข้าพักในโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก (ALQ) บนเกาะสมุยเท่านั้น โดยภายหลังผลการตรวจคัดกรองออกมาไม่ติดเชื้อจะให้ออกจากห้องพักมาอยู่ภายในบริเวณของโรงแรมได้ ในรูปแบบของ AREA QUARANTINE สามารถใช้บริการต่างๆ ภายในโรงแรม ไม่ว่า ร้านอาหาร สระว่ายน้ำ ฟิตเนส และบริเวณชายหาดของโรงแรม
จากนั้นในวันที่ 4-7 สามารถเดินทางท่องเที่ยวภายในเกาะสมุย ตามโปรแกรมท่องเที่ยวโดยบริษัทนำเที่ยวที่ผ่านการอบรม ซึ่งจะนำเที่ยวในเส้นทางที่กำหนดเป็นการเฉพาะ (SEALED ROUTE) อาทิ หาดถ้ำร้าง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง สามารถขึ้นเรือยอชต์ได้
ต่อมาวันที่ 8-14 ขยับออกจากโรงแรม ALQ ไปยังโรงแรมแห่งใหม่ แต่มีข้อกำหนดว่าต้องเป็นโรงแรมที่ได้รับเครื่องหมาย SHA+ เท่านั้น และยังเปลี่ยนไปพักบนเกาะพะงันและเกาะเต่า ถ้าดูจากไทม์ไลน์ที่กำหนดดังกล่าว การเปิดเกาะพะงัน และเกาะเต่าเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศต่อจากเกาะสมุย จะเริ่มต้นได้ในวันที่ 23 ก.ค.2564
สำหรับการเดินทางเข้าไปยังทั้ง 3 เกาะ นักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศจะต้องโดยสารทางสายการบินเท่านั้น แต่เนื่องจากสนามบินสมุยมีรันเวย์ที่รองรับเครื่องบินขนาดไม่ใหญ่นัก การเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ จึงให้นักท่องเที่ยวมาต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิได้
โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดพื้นที่เฉพาะที่แยกต่างหากจากคนในประเทศ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ได้เปิดเที่ยวบินพิเศษสำหรับผู้โดยสารกลุ่มนี้เดินทางเข้า-ออก ในเส้นทางกรุงเทพฯ-เกาะสมุย วันละ 3 เที่ยวบิน เริ่มวันที่ 15 ก.ค.นี้เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน บางกอกแอร์เวย์ส และสิงคโปร์แอร์ไลน์ อยู่ระหว่างขออนุญาตกรมการบินพลเรือน เพื่อบินตรงสมุย-สิงคโปร์ ในฐานะที่สิงคโปร์เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินที่สายการบินจากทวีปต่างๆมาลง
สำหรับข้อปฏิบัติของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการมาเกาะสมุยเหมือนกับ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” คือมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยการเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
มีหนังสือที่รับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (COE) มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR โดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล หรือหลักประกันอื่นใด ซึ่งรวมถึงกรณีโรคโควิด-19 ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐฯ
มีเอกสารหรือหลักฐานรับรองการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ที่ผู้ผลิตวัคซีนกำหนด ไม่น้อยกว่า 14 วันก่อนออกเดินทาง สำหรับผู้มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ที่ไม่อยู่ในเกณฑ์การได้รับวัคซีนและเดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้มีใบรับรองแพทย์
และเมื่อมาถึงประเทศไทยจะต้องถูกตรวจคัดกรองโดยวิธี RT-PCR อีก 3 ครั้งในวันที่เดินทางมาถึง ในวันที่ 6-7 และในวันที่ 12-13 โดยเมื่ออยู่ครบ 14 วันจึงจะเดินทางไปพื้นที่อื่นของประเทศไทยได้ ส่วนนักท่องเที่ยวที่ต้องการกลับประเทศก่อนอยู่ครบ 14 วัน จะต้องบินไปต่อเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ หรือบินตรงออกนอกประเทศเท่านั้น
สถานการณ์ท่องเที่ยวของเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เป็นเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในไทย เพราะรายได้หลักที่เคยมีจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศหายไป นานเกินกว่า 1 ปี สถานประกอบการหลายแห่งปิดกิจการถาวร หลายแห่งปิดรอดูสถานการณ์ เพราะเปิดไปไม่คุ้มทุนเพราะไม่มีลูกค้า เมื่อมาถึงจุดนี้ได้แต่รอคอยความหวังที่จะเปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
“รัชชพร พูลสวัสดิ์” นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ระบุว่า ในปี 2562 ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 เกาะสมุยมีรายได้จากการท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตลอดทั้งปี 30,000 ล้านบาท เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 ทำให้ในปี 2563 รายได้หล่นลงไปเหลือเพียง 2,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากคนไทยที่เที่ยวในประเทศ
มาช่วงต้นปี 2564 คนไทยจองเที่ยวเกาะสมุยคึกคัก ก็ต้องสะดุดหยุดลงเพราะมีการระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร ความหวังในการสร้างรายได้อีกรอบช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ก็ดับวูบลงอีก เมื่อมีการระบาดระลอก 3 จากผับ บาร์ซอยทองหล่อ อย่างไรก็ตาม ครึ่งปีแรกของปี 2564 มีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวของคนไทยรวมที่ 1,000 ล้านบาท ความหวังครั้งใหม่จึงอยู่ที่การเปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
พวกเขามีความหวังว่า ตลอดทั้งปีนี้ เกาะสมุยจะมีรายได้ที่ 5,000 ล้านบาท และถ้าการเปิดเกาะไม่มีปัญหาอาจถึง 8,000 ล้านบาท อาทิ ช่วงหนึ่งเดือนแรกของการเปิดเกาะ ตามที่ ททท.เล็งนักท่องเที่ยวไว้ที่ 1,000 คน แต่ภาคเอกชนบนเกาะสมุยประมาณจะเพิ่มเท่าตัวไปถึง 2,000 คน รวมๆ แล้วตลอดไตรมาส 3 ตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท
ถ้าไปได้ดีไตรมาส 4 ปีนี้ ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.มีโอกาสสร้างรายได้ 3,000-6,000 ล้านบาท และถ้าการเปิด “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ไม่มีปัญหา เกาะสมุยจะขอให้ภาครัฐพิจารณาการเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัวดูบ้าง
อย่างไรก็ตาม “รัชชพร” ยืนยันว่า แม้ในตอนเริ่มต้นของเกาะสมุยจะไม่เหมือน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” แต่ 7 วันแรกนักท่องเที่ยวไม่เบื่ออย่างแน่นอน และจะไม่รู้สึกว่าถูกกักตัว เพราะสามารถออกมานอกห้องพักได้ นั่งในร้านอาหารของโรงแรมได้ ออกมาหน้าหาดได้ เล่นฟิตเนส สระว่ายน้ำ เพียงต้องอยู่ภายในบริเวณโรงแรม รวมทั้งการท่องเที่ยวในเส้นทางที่กำหนดเฉพาะ (Sealed route) สามารถพาไปลงเรือ ดำน้ำ ทานอาหารบนเรือยอชต์
“การเปิดเกาะสมุยถือเป็นจุดเริ่มต้นทดลองระบบที่วางไว้ ไม่ได้หวังว่านักท่องเที่ยวจะแห่เข้ามา เพราะมีกฎระเบียบที่วางไว้ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถ้ามีผู้ติดเชื้อเกิน 20 รายต่อสัปดาห์ก็จะมีการทบทวนทันที”
ขณะที่ “ฉันทนา ลิ้มสุวรรณ” นายกสมาคมโรงแรมและการท่องเที่ยวเกาะพะงัน ยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความคิด ความรู้สึกของนักท่องเที่ยวต่างชาติ จากความโด่งดังของเกาะพะงัน อยู่ที่การจัด “ฟูล มูน ปาร์ตี้” ซึ่งจะยังไม่มีในตอนนี้ หลังการจัดในครั้งสุดท้ายมีขึ้นเมื่อเดือน ก.พ.2563
เขาอยากสื่อไปถึงนักท่องเที่ยวว่า เกาะพะงัน ยังมีของดีอีกหลายอย่าง แม้กระทั่งตอนนี้มีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งที่อาศัยบนเกาะนี้ บางคนทำงาน ดิจิทัล นอแมด (พนักงานไร้ออฟฟิศที่ใช้เทคโนโลยีช่วยในการทำงาน) คนกลุ่มนี้อาศัยธรรมชาติที่เงียบสงบในการทำงาน
เกาะพะงันยังมีความโดดเด่นเรื่องของกีฬา ศิลปะ ศิลปิน ดนตรี สุขภาพ โยคะ และมีสปาที่จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มรักสุขภาพได้ขณะที่ในเดือน ต.ค.จะมีการแข่งขันวิ่งเทรล 1,500 คน มีนักกีฬาชื่อดังมาจากสหรัฐฯ เฉพาะงานนี้จะมีรายได้ 20 ล้านบาท
ส่วนรายได้ตลอดปี 2564 ขอดูสถานการณ์ก่อนเพราะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยมาก คนสู้ไม่ไหวปิดกิจการไปเยอะ มาถึงตอนนี้ผู้ประกอบการหลายรายกำลังตัดสินใจตั้งต้นอีกครั้ง หากการเปิดเกาะเริ่มเดินไปข้างหน้าได้ จากในปี 2562 เคยมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท ส่วนปี 2563 ลดลงเหลือ 5-10% ของภาวะปกติ
ขณะที่เกาะพะงันในขณะนี้มีโรงแรมที่ได้ SHA+ แล้ว 13 แห่ง รวม 400-500 ห้องพัก ผู้ประกอบการไม่มีปัญหาในการขอรับเครื่องหมาย SHA+ เพราะเป็นโรงแรมใบอนุญาต เนื่องจากบนเกาะพะงันเป็นที่ดินมีโฉนด ไม่ได้อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ จึงพร้อมรับนักท่องเที่ยวเต็มที่
เช่นเดียวกับที่เกาะเต่า ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศกลับมาอีกครั้ง จากที่ผ่านมา ปี 2562 เกาะเต่ามีนักท่องเที่ยว 200,000 คน เป็นชาวต่างประเทศ 97-98% เคยมีรายได้ปีละ 4,000 ล้านบาท แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของโควิด ในปี 2563 รายได้ของเกาะเต่าเหลือเพียง 200 ล้านบาท
มาถึงตอนนี้ “วรพงษ์ วงศ์สุวรรณ” อุปนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเกาะเต่า กล่าวว่า เกาะเต่าพร้อมแล้ว เพราะฉีดวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แล้ว 75% ของประชากร มีความหวังว่าการเปิดเกาะเต่าอีกครั้งในปี 2564 จะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวลุกขึ้นมาได้บ้าง เฉพาะครึ่งหลังของปีนี้จะมีรายได้ 580 ล้านบาท
ขณะนี้มีโรงแรม SHA+ รับนักท่องเที่ยวได้ 1,000 ห้อง หรือรอบละ 2,000 คน
เขาบอกว่า เกาะเต่าที่มีชื่อเสียงเรื่องการเรียนดำน้ำราคาถูกที่สุดในโลก และสถานที่ใต้น้ำมีความสวยงามอันดับ 7 ของโลก ขณะนี้ลดราคาลงมา 50–60% เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะปรับส่วนลดเหลือ 30–40%
************
จาก “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เดินทางมาถึง “สมุย พลัส โมเดล” ล้วนเป็นโมเดลการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่สุดแสนท้าทาย เพราะการได้เม็ดเงินไหลเวียนเข้าประเทศมาเลี้ยงปากท้อง ต้องอยู่บนความระมัดระวังของการแพร่เชื้อโควิด-19
ผู้คนในเมืองท่องเที่ยวหลักรู้ดีว่า ธุรกิจยังไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิม แต่พวกเขาขอให้ได้ทดลองเริ่มต้น เพื่อได้มีโอกาสและเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์บ้าง.
ทีมเศรษฐกิจ