คู่มือเดินทาง "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" พื้นที่ทดลองฟื้นท่องเที่ยวชี้ชะตาเปิดประเทศ

Economics

Analysis

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

คู่มือเดินทาง "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์" พื้นที่ทดลองฟื้นท่องเที่ยวชี้ชะตาเปิดประเทศ

Date Time: 28 มิ.ย. 2564 05:01 น.

Summary

  • ถ้าใครเป็นคอซีรีส์เกาหลี แล้วดูเรื่อง “สตาร์ต อัพ” สามารถอธิบายคำว่า “แซนด์บ็อกซ์” ให้เข้าใจง่ายๆ และเห็นเป็น “ภาพจำ” ได้อย่างดี

Latest

Credit Scoring กับการเติบโตของเศรษฐกิจ

ถ้าใครเป็นคอซีรีส์เกาหลี แล้วดูเรื่อง “สตาร์ต อัพ” สามารถอธิบายคำว่า “แซนด์บ็อกซ์” ให้เข้าใจง่ายๆ และเห็นเป็น “ภาพจำ” ได้อย่างดี

ความหมายตรงตัวของ Sandbox คือ กระบะทราย นิยมเอามาใช้กับสตาร์ตอัพหรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีในการเริ่มต้นทำธุรกิจ เมื่อเป็นการเริ่มต้น ยังไม่เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ จึงต้องมีพื้นที่ให้ทดลองความสำเร็จ ที่เรียกว่า “แซนด์บ็อกซ์” นั่นเอง

ในซีรีส์เรื่องนี้อธิบายว่า ถ้าพลาดและล้มลงใน “แซนด์บ็อกซ์” จะได้ไม่เจ็บตัว เพราะมีพื้นทรายรองรับ ไม่เหมือนพื้นซีเมนต์ ถ้าลองล้มลงเป็นต้องเจ็บตัวแน่

เฉกเช่นเดียวกัน การเปิดประเทศไทยเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสร้ายโควิด-19 กลายเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องทดลอง จึงต้องมีพื้นที่ “แซนด์บ็อกซ์” เป็นจุดเริ่มต้น

ประเทศไทยจึงเลือกใช้พื้นที่ภูเก็ต ด้วยเหตุผลที่เป็น “เกาะ” สามารถควบคุมการเข้าออกได้ง่าย และเป็นเมืองท่องเที่ยวนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายใต้ชื่อโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”

พื้นที่นี้จะทดลองเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเข้ามาในประเทศ ไทยโดยไม่ต้องถูกกักตัว สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปได้ทั่วภูเก็ต และเกาะต่างๆที่อยู่ในอาณาบริเวณของภูเก็ต โดยจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ วันที่ 1 ก.ค.2564 เป็นต้นไป

ถ้าทดลองแล้ว “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ไม่สำเร็จ มีการนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาระบาดในพื้นที่ ก็จะเป็นการระบาดภายในเกาะภูเก็ต ไม่ต้องเจ็บตัวกันไปทั้งประเทศ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าในช่วงระหว่าง 3 เดือน ก.ค.-ก.ย.2564 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาประมาณ 100,000 คน นำรายได้เข้าสู่ภูเก็ต 8,900 ล้านบาท ตัวเลขยังห่างไกลนักเมื่อนำไปเทียบกับในอดีต ที่ประเทศไทยเคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาถึงเดือนละกว่า 3 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ภายใต้ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” มีข้อกำหนดมากมาย ในช่วงแรกอาจจะมึนๆ งงๆ กันว่า คนต่างชาติ คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ คนไทยในประเทศ จะเข้าภูเก็ตกันอย่างไร “ทีมเศรษฐกิจ” จะฉายภาพทั้งหมดให้ ณ ตรงนี้

ใส่เสื้อเกราะป้องกันการระบาด

ทั้งนี้ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ถือเป็นการทดลองในพื้นที่จริง ทั้งด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุขควบคู่กันไป เพราะแม้การนำพาธุรกิจในภูเก็ตให้กลับมาเดินได้ เศรษฐกิจ ปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ แต่นัยทางด้านสาธารณสุข การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในยามนี้ก็สำคัญอย่างยิ่งยวด

“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” จึงตั้งเงื่อนไขด้านสาธารณสุขไว้แต่แรก ว่า หากมีผู้ติดเชื้อภายในเกาะ 13 รายต่อวัน และรวมแล้วเกิน 90 รายต่อสัปดาห์ มีลักษณะการกระจายโรคในจังหวัดทั้ง 3 อำเภอ และมากกว่า 6 ตำบล

มีการระบาดเกิน 3 คลัสเตอร์ หรือมีการระบาดในวงกว้าง หาสาเหตุหรือความเชื่อมโยงไม่ได้ ประกอบกับการพิจารณาความพร้อมในการรองรับผู้ป่วย กรณีมีผู้ติดเชื้อครองเตียงตั้งแต่ 80%ของศักยภาพจังหวัดรับได้

จะต้องกลับมานั่งทบทวนกันว่าจะไปอย่างไรต่อ โดยวางมาตรการปรับเปลี่ยนไว้ 4 ระดับ

เริ่มตั้งแต่ปรับลดกิจกรรม เปลี่ยนจากการปล่อยอิสระให้นักท่องเที่ยวไปได้ทั่วทั้งเกาะเป็นท่องเที่ยวเฉพาะเส้นทางที่จำกัด (Sealed route) ระดับเข้มขึ้นไปอีกคือ Hotel Quarantine ให้อยู่เฉพาะในบริเวณโรงแรม และเข้มข้นสูงสุดคือ ทบทวนยุติภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ขณะเดียวกัน ก่อนการเปิดภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ได้มีการฉีดวัคซีนให้ประชากรที่อยู่ในพื้นที่ไปแล้วใกล้ 70% และพนักงานในสถานประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ในระดับ 100%

การเข้า“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์”

สิ่งสำคัญที่สุดของ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” คือ มาตรการสำหรับคนจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนไทยที่อยากกลับเข้าประเทศโดยไม่ถูกกักตัว และได้แวะเที่ยวภูเก็ต 14 วัน ก่อนกลับไปภูมิลำเนา ประกอบด้วยเงื่อนไข ดังนี้

1.ต้องเป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำหรือความเสี่ยงปานกลาง ตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขและการท่องเที่ยว แห่งประเทศไทยกำหนด ทั้งนี้ กรณีเดินทางจากประเทศอื่น ต้องพำนักอยู่ในประเทศที่กำหนดข้างต้นอย่างน้อย 21 วัน ก่อนการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ณ ขณะนี้มี 66 ประเทศ

2.ต้องมีหนังสือรับรองว่าเป็นบุคคลที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ (Certificate of Entry-COE) ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศให้ลงทะเบียนขอรับได้ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2564 เวล 12.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพราะต้องรอให้ประกาศหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อน

3.ต้องได้รับวัคซีนตามกำหนดของประเทศไทยครบกำหนด 2 เข็ม หรือตามประเภทวัคซีน อย่างน้อย 14 วัน ก่อนการเดินทาง และมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีน (Vaccine Certificate) กรณีเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี สามารถเดินทางเข้ามาพร้อมกับผู้ปกครองได้

4.มีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางไม่มีเชื้อโรคโควิด-19 (Medical certificate with a laboratory result indicating that COVID-19 is not detected) โดยวิธีการ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

5.กรณีเคยติดเชื้อต้องได้รับวัคซีนตามกำหนด 2 เข็ม (ตามประเภทวัคซีน) อย่างน้อย 14 วัน

6.มีกรมธรรม์ประกันภัยที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล หรือหลักประกันอื่นใด ซึ่งรวมถึงโรคโควิด-19 ตลอดระยะเวลาที่ผู้เดินทางอยู่ในราชอาณาจักร ในวงเงินไม่น้อยกว่า 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

7.ตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR จำนวน 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 ตั้งแต่วันที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (day 0) ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต โดยพักรอในห้องพักของโรงแรม เพื่อรอรับแจ้งผลการตรวจ เมื่อผลตรวจเป็นลบหรือไม่ติดเชื้อจึงออกนอกห้องพักได้ ครั้งที่ 2 วันที่ 6-7 ณ โรงแรมที่พักอาศัย หรือห้องปฏิบัติการ (Lab นอก) โดยโรงพยาบาลคู่สัญญา และครั้งที่ 3 วันที่ 12-13 ณ โรงแรมที่พักอาศัยหรือห้องปฏิบัติการ (Lab นอก) โดยโรงพยาบาลคู่สัญญา

8.ต้องเข้าพำนัก ณ สถานประกอบการโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ในจังหวัดภูเก็ต เป็นระยะเวลา 14 คืน จึงสามารถเดินทางออกนอกจังหวัดภูเก็ตเพื่อท่องเที่ยวในจังหวัดอื่นได้ กรณีพำนักไม่ถึง 14 คืน ต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเท่านั้น

9.ผู้เดินทางสามารถเดินทางในจังหวัดภูเก็ตและดำเนินกิจกรรมทางการท่องเที่ยว และใช้บริการสถานประกอบการที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ภายใต้มาตรการ D-M-H-T-T-A (เว้นระยะห่าง ใส่แมสก์ ล้างมือ วัดอุณหภูมิ ไทยชนะ)

10.ติดตั้งแอปพลิเคชัน Thailand Plus และ Tracing Application : Morchana และยินยอมให้ระบบติดตามพิกัดตามภูมิศาสตร์ (GPS) ผ่านแอปพลิเคชัน ตลอดระยะเวลาที่พำนักในประเทศไทย

ออกก่อน 14 วันมีโทษจำคุก

เมื่อนักท่องเที่ยวที่พำนักในจังหวัดภูเก็ตครบกำหนด 14 คืน จะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตไม่ว่าทางบก ทางอากาศ ทางเรือ ต้องแสดงเอกสารหลักฐานหนังสือเดินทางและวีซ่าที่ตรวจลงตราโดย ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ตขาเข้า (ยกเว้นผู้มีสัญชาติไทย) เอกสารที่แสดงว่าตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ตลอดระยะเวลา 14 คืน ที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต และหลักฐานการเข้าพักในโรงแรมหรือที่พักที่ได้รับมาตรฐาน SHA+ (SHA Plus) ครบ 14 คืนแล้ว

ไม่เช่นนั้น จะไม่สามารถเดินทางออกนอกเขตจังหวัดภูเก็ตได้ทุกกรณี ยกเว้นจะเดินทางออกจากจังหวัดภูเก็ตเพื่อออกจากราชอาณาจักรไทยทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตเท่านั้น

กรณีมีการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม สำหรับคนต่างด้าวผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร อาจมีโทษตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ตามมาตรา 51 ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และมาตรา 52 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมทั้งอาจเป็นเหตุแห่งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักร ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และอาจพิจารณาไม่อนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยอีก

ส่วนคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าทางภูเก็ต ก็ต้องพำนักให้ครบ 14 คืนเช่นกัน การฝ่าฝืนอาจมีโทษตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ตามมาตรา 51 และมาตรา 52 เช่นกัน

คนในประเทศเข้าภูเก็ตอย่างไร

ส่วนคนไทยในประเทศที่จะเข้าภูเก็ต มีการวางระบบเข้มงวดลดลงมา ไม่จำเป็นต้องอยู่จนครบ 14 วันหรือ 14 คืน ก็สามารถเดินทางออกได้ทั้งทางบก น้ำ อากาศ

แต่ต้องเดินทางเข้า มีหลักเกณฑ์ให้ปฏิบัติ คือ ผู้เดินทาง ยกเว้นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ที่เดินทางมากับผู้ปกครอง ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติอย่างหนึ่งอย่างใด และต้องถือปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

1.ต้องเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบ 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด หรือได้รับวัคซีนชนิด AstraZeneca จำนวน 1 เข็ม มาแล้วเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือ

2.เป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน หรือ 3.ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen Test ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับการตรวจ

4.ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” บนสมาร์ทโฟน และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้ง (Location) ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต 5.แสดงเอกสารหลักฐานข้างต้น ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต และ6.ให้สังเกตติดตามอาการตนเอง (Self Monitoring) ตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค หากพบอาการป่วยหรือสงสัยว่ามีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ให้พบแพทย์โดยด่วน

กว่าจะมาถึงวันนี้ การเตรียมการเปิดประเทศครั้งแรกผ่าน“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เป็นไปแบบทุลักทุเลในแต่ละขั้นการเตรียมการตามที่มีข่าวออกมาโดยตลอด แต่ถ้าประสบความสำเร็จก็จะเป็น “แม่แบบ”ในการเปิดพื้นที่อื่นตามเป้าหมายเปิดประเทศใน 120 วันของนายกรัฐมนตรีได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกัน ต่อจากภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ในวันที่ 15 ก.ค.นี้จะมีการเปิดเกาะสมุย รับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วตามมา แต่เป็นรูปแบบแตกต่างออกไป คือ การเที่ยวแบบจำกัดพื้นที่ (Sealed route) โดย 3 วันแรกออกจากห้องพักได้ แต่ต้องอยู่ในพื้นที่โรงแรม จากนั้นวันที่ 4-7 ไปเที่ยวได้ทั่วเกาะสมุย และวันที่ 8-14 ให้นั่งเรือข้ามไปยังเกาะพะงันและเกาะเต่าได้

ถ้าไม่มีอะไรสะดุด เดือน ส.ค.จะเห็นการเที่ยวแบบเชื่อมโยงข้ามจังหวัด อาทิ จากเกาะภูเก็ต ไปยังเกาะพีพี เกาะไหง ไร่เล ของ จ.กระบี่ และเขาหลัก เกาะยาว จ.พังงา และเดือน ก.ย. ถ้าวัคซีนมาทันท่วงที จะเห็นการเปิดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี อีกเมืองท่องเที่ยวระดับนานาชาติ ที่มีอีกโมเดลของการท่องเที่ยวแบบจำกัดพื้นที่เปิด ไม่ใช่เกาะ

ทั้งหมดนี้ เป็นความท้าทายที่จะทำให้การฟื้นชีพของท่องเที่ยวและเศรษฐกิจกลับมา ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่บรรเทาลงได้เลย.

ทีมเศรษฐกิจ


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ