Thairath OnlineThairath PlusThairath SportThairath TVMIRROR

“Ezy Sweet” โดยคุณเก๋ขนมหวาน แบรนด์ขนมไทยใน 7-11 ตั้งเป้ารายได้พันล้านใน 3 ปี เข้าตลาดหุ้นปี 2570

Date Time: 14 มี.ค. 2568 14:33 น.

Summary

  • “Ezy Sweet” แบรนด์ขนมหวานใน 7-11 ตั้งเป้ารายได้พันล้าน ภายใน 3 ปี เตรียมเข้าตลาดหุ้นปี 2570 ปั้นขนมไทย สู่ Soft Power ที่ขายได้ทั่วโลก

หลังมื้ออาหารคาวจบลง หากจะไม่ทานขนมหวานเย็น ๆ สักถ้วยคงจะเสียดายน่าดู 

ข้าวโพดมะพร้าวอ่อนกะทิสด, อัญมณีกรอบ, บัวลอยเผือก, สาคูเปียกข้าวโพด ลูกชุบ วุ้นเป็ดมะพร้าวอ่อน และเมนูขนมไทยอีกมากมาย ที่ทุกวันนี้หาทานได้ไม่ยาก เพียงแค่คุณเดินเข้าเซเว่นอีเลฟเว่น บนเชลฟ์ที่มีสินค้าเรียงรายกันอยู่นั้น คุณก็จะเห็นแบรนด์ “Ezy Sweet” ด้วยอย่างแน่นอน 

จากร้านขนมเล็กๆ ที่ผลิตหลังร้านขายยาสู่แบรนด์ขนมไทยใน 7-11

คงต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่า “Ezy Sweet” คือ แบรนด์ขนมไทยที่ บริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด พัฒนาสินค้าร่วมกับ 7-Eleven ที่เติบโตจากการผลิตขนมวุ้นจำหน่ายหน้าร้านขายยาของผู้เป็นสามี สู่การเป็นโรงงานผลิตขนมไทยมาตรฐานสากลด้วยกำลังการผลิต 120,000 ชิ้นต่อวัน สร้างยอดขายกว่า 100 ล้านชิ้นต่อปี

มนสวรรณ ศรัณย์เวชกุล CEO บริษัท คุณเก๋ ขนมหวาน จำกัด ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 เล่าว่า  จุดเริ่มต้นของที่ร้านเริ่มจาก คุณแม่ เป็นคนที่มีฝีมือด้านการทำขนมหวาน คนรอบตัวต่างก็ชื่นชอบในรสมือของแม่ หลังจากนั้นคุณแม่จึงตัดสินใจเริ่มลงมือทำขายเพื่อหารายได้เสริม 

โดยการเริ่มจากตั้งโต๊ะวางขายบริเวณหน้าร้านขายยาของคุณพ่อ โดยใช้ชื่อ “วุ้นคุณเก๋” ที่ไม่ใช่ชื่อของคุณแม่ แต่เป็นชื่อของลูกสาวคนโตที่เติบโตเคียงบ่าเคียงไหล่ คอยช่วยคุณแม่ทำขนมมาเสมอ 

และหลังจากเปิดไปผลตอบรับจากลูกค้าก็ค่อนข้างดี จึงทำมาอย่างต่อเนื่อง  จนกระทั่งเมื่อปี 2540 ลูกๆ มองว่าขนมไทยรสมือแม่ “อร่อยขนาดนี้ หากทุกคนได้ทานจะเป็นอย่างไร จึงอยากให้ขนมไทยได้ก้าวไปไกลกว่านี้ นั่นจึงทำให้เป็นจุดเริ่มต้นที่ลูกๆ เข้ามาสานต่อธุรกิจ และได้ถือกำเนิดแบรนด์ “คุณเก๋ขนมหวาน” ขึ้น พร้อมกับแตกไลน์สู่เมนูขนมไทยอื่นๆ อีกมากมาย และขยายสู่ทำเลใหม่ๆ นั่นคือ ตลาด อ.ต.ก. และ บองมาร์เช่ 

ส่วนจุดเปลี่ยนที่ถือเป็นการพลิกโอกาสครั้งสำคัญ นั่นคือ เมื่อได้ออกบูธในงาน Thaifex ปี 2549 ทาง 7-Eleven เกิดความสนใจและทำการติดต่อมา จนนำไปสู่การวางจำหน่ายใน 7-Eleven เป็นครั้งแรกในปี 2551 ที่นำโดย “เมนูวุ้นกะทิมะพร้าวอ่อน” และด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานการผลิตทำให้ปี 2555 บริษัทได้รับมาตรฐาน GMP & HACCP 

ส่งผลให้แบรนด์เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดขนมหวานพร้อมทานได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมกับได้รับความไว้วางใจให้ผลิต OEM ให้กับ 7-Eleven ภายใต้แบรนด์ “EZY SWEET” ต่อยอดการพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จนขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของขนมไทยใน 7-Eleven ภายใต้สโลแกน “อร่อย สดใหม่ ใกล้บ้านคุณ” 

กระทั่งในปี 2567 คุณเก๋ขนมหวาน เติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยยอดขายทะลุ 387 ล้านบาท ด้วยโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการเข้าใจ Customer Insight และ Product Innovation นั่นคือการเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้า บวกกับการนำนวัตกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิต

มนสวรรณ เล่าต่อไปว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง 3-4 SKUs ต่อเดือน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองหาขนมไทยที่มีคุณภาพ รสชาติเยี่ยม และสะดวกในการบริโภค 

นอกจากนี้ได้พัฒนาไลน์สินค้าเฉพาะเทศกาล เช่น ลูกชุบคริสต์มาส และวุ้นส้มนมสด เราพร้อมขยายการผลิตให้ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Mass และ Premium Mass ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อยกระดับขนมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล 

กว่า 40 ปี บนเส้นทางของคุณเก๋ขนมหวาน ที่วันนี้เติบโตเฉลี่ย 40% ต่อปี

เพราะมองว่า “ขนมไทยไม่ใช่แค่ของหวาน แต่คือมรดกทางวัฒนธรรมที่เราภาคภูมิใจและพร้อมส่งต่อให้ทั่วโลกได้ลิ้มลอง" ด้วยแนวคิดนี้ แบรนด์จึงเดินหน้าผลักดันขนมไทยให้เป็นมากกว่าของกินเล่น เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดขนมไทยพร้อมทานอันดับหนึ่งใน 7-Eleven 

ปัจจุบัน บริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด มียอดขายเฉลี่ย 40 ล้านบาทต่อเดือน เติบโตเฉลี่ย 30-40% ต่อปี ผ่านขนมไทยที่จำหน่ายโดย 7-Eleven รวม 14 SKUs และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ มากว่า 100 SKUs โดยยังมีแผนขยายช่องทาง E-Commerce บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Facebook / Line / TikTok Shop เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ ภายใต้แนวคิด ‘นวัตกรรมคือหัวใจสำคัญ’ เราเน้นการเพิ่มมูลค่า (Value Creation) ต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมให้มีมูลค่าเพิ่ม ผ่าน Brand Storytelling, Packaging Design และการทำ Collaboration กับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศ 

ด้วยกลยุทธ์หลักที่ช่วยให้แบรนด์เติบโตแบบก้าวกระโดด มีดังนี้ 

  1. Product Innovation: สร้างสรรค์ขนมไทยรูปแบบใหม่ที่ผสานรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ขนมไทยเพื่อสุขภาพ และขนมไทย Functional Food
  2. Multi-Channel Distribution: ขยายการจำหน่ายผ่านทั้ง Modern Trade, E-Commerce และ Horeca (โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่)
  3. Brand Marketing: ใช้ Influencer และแคมเปญ Social Media เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ ภายใต้งบการตลาด 2 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 67 หนึ่งเท่าตัว
  4. Export Expansion: ปูทางสู่ตลาดต่างประเทศ โดยแบรนด์มีแผนลุยตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ในปี 2569 พร้อมนำเสนอขนมไทยในรูปแบบที่เหมาะสมกับตลาดโลก เช่น ขนมไทยพร้อมทานที่ยืดอายุได้นานขึ้น ยังคงรสชาติแบบต้นตำรับ โดยไม่ใช้สารกันบูด และอีกตลาดคือ จีน ที่อยู่ระหว่าง Research ซึ่งตั้งเป้าจะไปในปี 70 

ทั้งนี้ Top 4 เมนูขนมไทยที่ขายดีที่สุดใน 7-11 คือ  ข้าวโพดมะพร้าวอ่อนกะทิสด สาคูเปียกข้าวโพด อัญมณีกรอบ และวุ้นเป็ดมะพร้าวอ่อน ส่วนการแข่งขันในตลาดนี้นั้นดุเดือดแค่ไหน ? มนสวรรณ มองว่า ตลาดขนมไทยในปัจจุบันมีมูลค่ากว่าพันล้าน เติบโตต่อเนื่องทุกปี และในอุตสาหรรมนี้มีผู้เล่นหลายราย แต่ “Ezy Sweet” ถือเป็นเบอร์ 1 ของขนมไทยใน 7-11 ที่ขายดีที่สุด จากจำนวนกว่า 10 แบรนด์

ตั้งเป้าเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์-รายได้พันล้านในปี 2570

“กลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ คือกลุ่มแมสที่มีตั้งแต่ Gen X สัดส่วนประมาณ 60-70% ที่เหลือจะเป็น Baby Boomer, Gen Y และ Gen Z ที่ยังมีสัดส่วนน้อยเนื่องจากมองว่า ขนมไทยไม่คูล! จะนั้นเราจึงต้องมีการพัฒนาสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น พร้อมกับตั้งเป้าที่จะขยายกำลังการผลิต ในปี 68 เป็น 2 แสนชิ้นต่อวัน ทะยานสู่ยอดขาย 600 ล้านบาท และในปี 2570 ตั้งเป้าก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ พร้อมกับรายได้ 1,000 ล้านบาท”  

ส่วน Pain point ในการทำธุรกิจ มนสวรรณ มองว่า หลักๆ คือ เด็กรุ่นใหม่รู้สึกว่า “ขนมไทยมันเชย” แบรนด์จึงอยากจะพัฒนาขนมให้เข้าสู่ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ผ่านกลยุทธ์ Co-brand อย่างเช่น ถิงถิงxคุณเก๋ขนมหวานxEzy Sweet ที่มาพร้อมกับ บัวลอยโอรีโอ้นมสดร้อน ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทางบริษัทจึงเปิดบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ “KKX” เพื่อทำด้านนี้โดยเฉพาะ

“ที่สำคัญคือเรากำลังเตรียมความพร้อมที่เปิดโรงงานแห่งที่สองที่ตลาดไทย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้เติบโตเป็นสองเท่าบนเนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 68 โดยงบลงทุนอยู่ที่ 60 ล้านบาท”  

อนาคตของขนมไทย จะไม่ใช่แค่ขนม แต่คือ Soft Power ที่ทรงพลัง

นอกจากการขยายตลาด บริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด ยังให้ความสำคัญกับ โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG Model) และ ESG Model โดยมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรไทย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน ลดของเสียจากการผลิต และพัฒนาบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เช่น บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมารีไซเคิลได้ 100% และยังมีแผนปรับสูตรขนมให้ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ เช่น ลดน้ำตาล เพิ่มส่วนผสมจากธรรมชาติ เพื่อพิชิตใจลูกค้าด้วยกลยุทธ์ Customer Centric เมื่อในปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ชอบทานหวาน แบรนด์จึงได้มีวิจัยและพัฒนาเพื่อหาตัวช่วยที่จะมาทดแทนน้ำตาล โดยจะมาจากธรรมชาติเป็นหลักอีกด้วย

“อนาคตของขนมไทย จะไม่ใช่แค่ขนม แต่คือ Soft Power ที่ทรงพลัง ตลาดขนมไทยกำลังเปลี่ยนโฉมไปสู่ Thai Dessert 4.0 ซึ่งไม่ใช่แค่ของหวานที่รับประทานหลังมื้ออาหาร แต่เป็นสินค้าที่สะท้อนถึง วัฒนธรรม, คุณค่า และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย เราจึงเดินหน้าปั้นแบรนด์ให้เติบโตสู่ระดับโลก โดยมีเป้าหมายทางธุรกิจที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2570 ส่วนเป้าหมายทางวัฒนธรรมคือเราอยากสร้างการจดจำให้ขนมไทยคือมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่มีชีวิต เพราะถ้าหากเรามุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ขนมไทยของเราจะก้าวไปไกลถึงเวทีโลกได้แน่นอน” มนสวรรณ กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   
https://www.facebook.com/ThairathMoney

ขออภัยในความไม่สะดวก ระบบกำลังตรวจสอบการใช้งาน กรุณาลองใหม่อีกครั้ง

Thairath Poll

สำรวจข้อมูลทางประชากรศาสตร์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของเว็บไซต์

ช่วงอายุของคุณ

การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล


เราใช้คุ้กกี้

เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น

อ่านเพิ่มเติมคลิก(Privacy Policy) และ (Cookie Policy)