เมื่อวันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป ถึงคราวที่โรงรับจำนำต้องเปลี่ยนตามกาลเวลา จากโรงรับจำนำที่เคยมืดทึบ จากแต่ก่อนผู้คนต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เวลาเข้าโรงจำนำ กลับกลายมาเป็นตึกสว่างโล่งสูง
เมื่อวันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป ถึงคราวที่โรงรับจำนำต้องเปลี่ยนตามกาลเวลา จากโรงรับจำนำที่เคยมืดทึบ จากแต่ก่อนผู้คนต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เวลาเข้าโรงจำนำ กลับกลายมาเป็นตึกสว่างโล่งสูง ที่ผู้คนเดินเข้ากันอย่างสบายๆ
คำว่า 'โรงรับจํานํา' ตามพระราชบัญญัติโรงรับจํานํา พ.ศ.2505 หมายความว่า สถานที่รับจํานําซึ่งประกอบการรับจํานำสิ่งของเป็นประกัน หนี้เงินกู้เป็นปกติธุระ แต่ละรายมีจํานวนเงินไม่เกินหนึ่งแสนบาท และหมายความรวมตลอดถึงการรับหรือซื้อสิ่งของโดยจ่ายเงินให้สําหรับสิ่งของนั้นเป็นปกติธุระ แต่ละรายมีจํานวนเงินไม่เกินหนึ่งแสนบาท โดยมีข้อตกลงหรือเข้าใจกันโดยตรงหรือโดยปริยายว่าจะได้ไถ่คืนในภายหลังด้วย
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2409 ผู้ตั้งโรงรับจำนำแห่งแรกของไทยเป็นชาวจีน ตั้งอยู่ย่านประตูผี ถนนบำรุงเมือง ชื่อร้านโรงรับจำนำย่องเซี้ยง (หัวมุมตัดกับถนนมหาไชย) ข้างวัดเทพธิดาราม ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘โรงรับจำนำสำราญราษฎร์’ เริ่มแรกคิดดอกเบี้ยเพียง 1 เฟื้อง (12.5 สตางค์) จากเงินต้น 1 ตำลึง (4 บาท) ซึ่งถูกกว่าการกู้กับคนกันเอง คิดดอกเบี้ยเพียงครึ่งหนึ่งของท้องตลาด หรือประมาณ 3.12% ต่อเดือน เมื่อชาวบ้านเห็นว่าดอกเบี้ยถูกกว่า จึงแห่มาใช้บริการ เพราะใครจะเอาอะไรมาก็จำนำได้ ไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน และจะออกตั๋วให้เป็นหลักฐาน
สำหรับ โรงรับจำนำของรัฐ ได้จัดตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ.2498 ในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงมหาดไทย เริ่มแรกใช้ชื่อว่า "โรงรับจำนำของรัฐ” ต่อมาปี พ.ศ.2517 เกิดการเปลี่ยนแปลงคณะที่ปรึกษาฝ่ายบริหารราชการแผ่นดิน จากการเป็นหน่วยงานของทางราชการเปลี่ยนสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ใช้ชื่อว่า “สำนักงานธนานุเคราะห์” ซึ่งในปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ความแตกต่างระหว่าง สถานธนานุเคราะห์ กับ โรงรับจำนำเอกชน
ระยะเวลาของการจำนำ
สถานธนานุเคราะห์ กำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาทรัพย์จำนำของผู้ใช้บริการแต่ละรายเป็นเวลา 4 เดือน 30 วัน หรือประมาณ 5 เดือน ถ้าหากผู้จำนำขาดส่งดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเวลากว่า 4 เดือน และไม่ไถ่ถอนคืนภายในกำหนด 30 วัน นับตั้งแต่วันที่สถานธนานุเคราะห์ประกาศบัญชีทรัพย์จำนำ ที่ผู้จำนำขาดส่งดอกเบี้ย ทรัพย์จำนำนั้นก็หลุดเป็นสิทธิ์ของสถานธนานุเคราะห์ ต้องมาประมูลคืน
โรงรับจำนำเอกชนก็เช่นเดียวกัน กำหนดให้ตั๋วจำนำมีอายุ 4 เดือน 30 วัน หรือประมาณ 5 เดือน หากขาดส่งดอกเบี้ยเกินระยะเวลา 4 เดือน 30 วัน ถือว่าทรัพย์ที่นำมาจำนำเป็นทรัพย์หลุด เป็นสิทธิ์แก่โรงรับจำนำ แต่โรงรับจำนำ (บางแห่ง) อาจผ่อนผันให้มีโอกาสส่งดอกเบี้ยเพิ่มได้อีก 5 วัน นับแต่วันที่ตั๋วครบกำหนดระยะเวลา 4 เดือน 30 วัน
การประเมินสิ่งของจำนำ
สถานธนานุเคราะห์
รับจำนำสิ่งของประเภท ทอง นาก เงิน เพชร ที่เป็นรูปพรรณ ตั๋วฉบับละไม่เกิน 100,000 บาท รับจำนำสิ่งของประเภทเบ็ดเตล็ด เช่น กล้องถ่ายรูป นาฬิกา แว่นตา เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือช่าง ฯลฯ และตั๋วฉบับละไม่เกิน 50,000 บาท ซึ่งตั๋วรับจำนำแต่ละฉบับมีระยะเวลา 4 เดือน 30 วัน ผู้มาใช้บริการสามารถส่งดอก จะขอผ่อนก่อนครบกำหนดได้ หรือเพิ่มเงินต้นได้หากทรัพย์นั้นมีมูลค่าสูงกว่าที่ประเมินราคารับจำนำไว้ ทั้งนี้วงเงินต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อหนึ่งราย
โรงรับจำนำเอกชน
สำหรับการประเมินราคาทรัพย์จำนำนั้น มีปัจจัยในการพิจารณาหลายประการ ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน ความนิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือระบบกลไกการตลาด ซึ่งโรงรับจำนำมิได้เป็นผู้ควบคุม เช่น ราคาทองคำ ราคาเพชร ราคาโทรศัพท์มือถือ จะมีการปรับราคาอยู่เสมอ
อัตราดอกเบี้ยรับจำนำของสถานธนานุเคราะห์
สถานธนานุเคราะห์
เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ต่อเดือน
เงินต้นมากกว่า 5,001 แต่ไม่เกิน 10,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ต่อเดือน
เงินต้นมากกว่า 10,001 แต่ไม่เกิน 20,000 บาท คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 ต่อเดือน
เงินต้นมากกว่า 20,001 แต่ไม่เกิน 100,000 คิดดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 ต่อเดือน
ทั้งนี้ เป็นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2560
โรงรับจำนำเอกชน
กำหนดให้คิดอัตราดอกเบี้ย เงินต้น 2,000 บาทแรก คิดอัตราดอกเบี้ย 2% ส่วนที่เกินจากนั้นคิดอัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน เช่น จำนำไว้ 20,000 บาท จะเสียดอกเบี้ยต่อเดือน ดังนี้ 2,000×2% = 40 บาท ส่วนที่เกินอีก 18,000×1.25% = 225 บาท ดังนั้นท่านจะเสียดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 265 บาทต่อเดือน
จากการสอบถามโรงรับจำนำให้ข้อมูลว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่เข้าใช้บริการ ถ้าเป็นคนกรุงเทพฯ มักนำ ทอง แหวน และเครื่องใช้ไฟฟ้ามาจำนำ แต่ถ้าเป็นคนต่างจังหวัด ก็จะนำ ทองและที่ดินมาจำนำ ซึ่งส่วนใหญ่จะหมุนเงินไม่ทัน ซึ่งช่วงที่คนแห่มาใช้บริการมากสุดจะเป็นช่วงเปิดเทอม ปิดเทอมของบุตรหลาน หรือช่วงเทศกาล รวมทั้งช่วงที่ต้องนำเงินไปลงทุน ซึ่งในปี 2560 เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้คนเข้าโรงรับจำนำเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2559.
(ข้อมูลจากโรงรับจำนำ อีซี่มันนี่, สำนักงานธนานุเคราะห์)