กว่า 10 ปีที่ “วสุ สกุลอนันต์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ LEON MODE บริษัทที่ให้บริการด้านการตลาดครบวงจร ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสินค้าอุปโภคบริโภคและแบรนด์สินค้ามากมาย โดยมีลูกค้าเป็นบริษัทใหญ่ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดย “วสุ” บอกว่า LEON MODE ให้บริการตั้งแต่ทำแผนการตลาดและนำแผนนั้นมาปฏิบัติให้กับลูกค้า โดยใช้เครื่องมือการตลาดสมัยใหม่ทั้งหมด โดยทำตั้งแต่การสำรวจข้อมูล และใช้ข้อมูลสถิติมาวิเคราะห์ สินค้าและกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ เพื่อทำแผนการตลาด และสื่อสารการตลาดให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
รวมทั้งการติดต่อสื่อสารกับช่องทางการขาย แบบ ธุรกิจกับธุรกิจ (BtoB) และช่องทางการขายสู่ผู้บริโภคปลายทางโดยตรง (BtoC) รวมทั้งการสื่อสารกับภาครัฐ ตลอดจนถึงการสร้างแบรนด์ การจัดงานแถลงข่าว การประชาสัมพันธ์ จัดอีเวนต์ การเชิญแขกมาร่วมงาน ทั้งพันธมิตรผู้ใหญ่ ไฮโซ ลูกค้า เป็นต้น เพื่อผลสำเร็จในบรรทัดสุดท้ายคือการสร้างยอดขายให้กับสินค้าให้ได้ตามเป้าหมาย
โดย “วสุ” เล่าที่มาของการเริ่มต้นทำธุรกิจว่า ด้วยความเป็นเด็กที่สนุกกับการทำกิจกรรมอย่างหนัก ตั้งแต่สมัยเรียนที่เอแบค ด้านการตลาด ตั้งแต่เข้าปี 1 เขาโดดเข้าร่วมทำกิจกรรมกับ องค์กรนิสิตนักศึกษานานาชาติ (AIESEC:ไอเซค) องค์กรที่มุ่งพัฒนาผู้นำนักศึกษาระหว่างประเทศ ที่เน้นสร้างประสบการณ์ความเป็นผู้นำให้นักศึกษา ผ่านการทำโครงการแลกเปลี่ยน ทั้งโครงการพัฒนาชุมชมโลกและ โครงการฝึกงาน
ทำให้ “วสุ สกุลอนันต์” ได้รับเลือกให้เป็นประธานองค์กรฯ ตอนเรียนอยู่ปี 3 เขาได้เป็นผู้นำทำโครงการแลกเปลี่ยนกับนักศึกษาต่างชาติมากมาย “วสุ” บอกว่ามันทำให้เขาได้เรียนรู้ มองเห็นโลกกว้าง และรู้ว่าตัวเองชอบทำงานมากๆ โดยเฉพาะงานที่ท้าทาย เหมือนโดนฝึกให้สู้ ให้แก้ปัญหา มัน “สร้างแรงบันดาลใจหรือ PASSION” ให้เขามีตัวตนในแบบของ “วสุ” ในวันนี้
เมื่อจบปริญญาตรี เขาขอที่บ้านไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ ด้านบริหารการตลาดต่อ จนเมื่อกลับเมืองไทยมีเพื่อนมาขายประกันชีวิตให้ และเห็นศักยภาพว่าเขา ซึ่งมีคอนเนกชันมากมายจากการทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัย จึงให้เขาสมัครเป็นตัวแทนขายประกันชีวิตที่ “เอไอเอ” ซึ่งเมื่อ 25 ปีก่อน อาชีพขายประกันมักโดนดูถูกดูแคลน จากผู้คนที่ไม่เข้าใจและไม่เห็นความจำเป็นของการทำประกันชีวิต
ท่ามกลางเสียงต่อต้านคัดค้านจากคนในครอบครัว แต่ “วสุ” กลับชอบและเห็นโอกาสในอาชีพนี้ ที่สำคัญเขาต้องการเอาชนะและพิสูจน์ตัวเองให้ครอบครัวที่เป็นครอบครัวคนจีน โดยเฉพาะ “พ่อ” ที่ไม่เข้าใจและรับไม่ได้เพราะพี่ชายทำงานบริษัทที่มั่นคงในตลาดหลักทรัพย์ แต่ “วสุ” ซึ่งสู้อุตส่าห์จบปริญญาโทจากอังกฤษ กลับมาทำอาชีพขายประกัน...!! ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นทำอาชีพนี้
“ผมออกจากบ้านโดยที่ไม่มีรถขับ แต่สามารถนั่งมอเตอร์ไซค์ไปรอบกรุงเทพฯ เพื่อไปหาลูกค้าได้ ผมทุ่มเทและสนุกกับการทำงาน ในที่สุดเพียงแค่ 3 เดือนแรกของการขายประกัน ผมสามารถออกรถยนต์มาขับได้ และภายในปีแรกก็มีรายได้หลักล้าน จาก 1 ล้านเป็น 10 ล้านและหลายสิบล้าน และในเวลาเพียง 3 ปี ผมได้ขึ้นเป็นระดับ District Director ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของฝ่ายขาย และมีรายได้ชนเพดานสูงสุด จนต้องตั้งเป็น บริษัทโบรกเกอร์ประกันชีวิต ซึ่งตอนนั้นผมอายุเพียง 20 กว่าๆ ผมมีบ้านมีรถมีทุกอย่างที่ต้องการ”
“วสุ” บอกว่า ตระกูลนักธุรกิจชั้นนำของเมืองไทยหรือเจ้าของธุรกิจที่สี่แยกราชประสงค์และแยกเพลินจิต ล้วนให้ความไว้วางใจมาทำประกันกับเขาแทบทั้งหมด ลูกค้าคนแรกที่ซื้อประกันชีวิต โดยจ่ายเบี้ยประกันมูลค่าสูงมากเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ที่เปิดประตูบานใหญ่ให้เขาคือผู้บริหารระดับสูงในองค์กรขนาดใหญ่ ที่เขาได้คอนเนกชันจากการทำงานให้กับองค์กรนิสิตนักศึกษานานาชาติ จากนั้นท่านก็แนะนำคนในครอบครัว เพื่อนฝูงให้มาทำประกันกับเขา และมีการแนะนำกันปากต่อปากกันไปเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกที ก็พบว่าผู้คนในแวดวงนักธุรกิจใหญ่ ไฮโซ ตระกูลเก่าแก่ ล้วนเข้ามาเป็นลูกค้าเขาแทบทั้งสิ้น
“ผมเน้นขายประกันชีวิตส่วนบุคคล เพราะต้องการดูแลลูกค้าใกล้ชิด เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่ จึงทำให้เขาเมตตาผม ผมรักและสนุกกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ส่งผลให้ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อยอดกันในด้านอื่นๆ ผมจะติดต่อกับคุณหมอและโรงพยาบาลเองเมื่อต้องพาลูกค้าไปตรวจสุขภาพหรือเข้ารักษาตัวเมื่อเจ็บป่วย ตลอด 25 ปี จนผมมีความคุ้นเคย มีคอนเนกชันกับคุณหมอและผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาล เพราะถือว่าเราทำงานร่วมกัน ทั้งหมดนี้ถือเป็น Value ของผม ที่สั่งสมมาจากการทำงาน”
เมื่อผ่านความสำเร็จสูงสุดจากอาชีพนี้มาหมดแล้ว จนไม่มีอะไรให้ท้าทาย “วสุ” บอกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขารู้สึกอิ่มตัวกับงานขายประกัน ประกอบกับได้โอกาสจากผู้ใหญ่ให้ทำงานด้านการตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้ร่ำเรียนมาโดยตรง เขาจึงไม่ลังเลที่จะเปิดบริษัท LEON MODE ขึ้นมา เพื่อรับทำงานด้านการตลาดครบวงจร
“วสุ” ในวันนี้ ยังคงสนุก และทุ่มเทกับการทำงานด้านการตลาด ที่กำลังขยายตัวเติบโต และถือเป็นงานที่ท้าทายอย่างมาก ท่ามกลางการแข่งขันในโลกของการตลาดที่มีความรุนแรง ยิ่งทำให้เขาสนุกกับการแข่งขัน ซึ่งยอมรับว่าเขายังคงได้โอกาสทางธุรกิจจากนักธุรกิจที่ล้วนเป็นลูกค้าประกันที่เห็นความสามารถ ชื่นชมในตัวตนและการทำงานของเขา
“การทำงานคือ Passion และ Passion ของผมก็คือการทำงาน ผมมีไฟในการทำงานอยู่เสมอ ผมรักและลุ่มหลงกับงานที่ทำ ผมหลงรักงานของตัวเองตลอดเวลา แม้บางครั้งงานจะมีปัญหา แต่ผมกลับชอบแก้ปัญหา เพราะการแก้ปัญหา จะสร้างโอกาสและโลกใหม่ๆมาให้เราเสมอ ทุกวันนี้ผมเลือกทำงานที่มีความสุขและมีความสุขกับการทำงาน ไม่ได้ทำงานเพื่อสร้างฐานะแต่ทำงานเพื่อสร้างความสุขให้ตัวเอง และเพื่อสร้างความสำเร็จให้ลูกค้ามากกว่า”.
เลดี้แจน
คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม