ศิลปะในธุรกิจของ "เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร"

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ศิลปะในธุรกิจของ "เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร"

Date Time: 7 ธ.ค. 2567 05:14 น.

Summary

  • พูดคุยกับ “วิน-เมธวิน” ที่ “SOURI” หรือ ซูรี ร้านขนมฝรั่งเศสสไตล์ Contemporary Patisserie สาขาวันแบงค็อก ที่มี “มาการอง” เป็น product hero และไอศกรีมโฮมเมด VELATO ที่ขึ้นชื่อ

Latest

"ก้อย นัตตี้ ดรีม" ยูทูบเบอร์พลังหญิง ธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยมิตรภาพและความสุข

จากครอบครัวนักธุรกิจ ที่เติบโตมากับคุณพ่อที่เป็นนักธุรกิจ ทำให้เขาได้รับการปลูกฝังและมี mind set ใฝ่ฝันอยากเป็นนักธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก!!

“เลดี้แจน” ได้พูดคุยกับ “วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” ที่ “SOURI” หรือ ซูรี ร้านขนมฝรั่งเศสสไตล์ Contemporary Patisserie สาขาวันแบงค็อก ที่มี “มาการอง” เป็น product hero และไอศกรีมโฮมเมด SOURI ที่ขึ้นชื่อว่ารสชาติอร่อยกลมกล่อมด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูง และดีไซน์หน้าตาขนมที่มีศิลปะสวยงามสีหวานน่ารัก และไส้มาการองที่อัดแน่นเต็มคำ เป็นเอกลักษณ์ของ “SOURI”

“วิน” นักแสดงหนุ่มหล่อหน้าตาสดใสในวัย 25 ปี นอกจากประสบความสำเร็จในการเป็นศิลปินและนักแสดงที่มีชื่อเสียงไปทั่วเอเชียแล้ว ธุรกิจร้านขนมชื่อดัง “SOURI” ของเขาได้การตอบรับอย่างล้นหลาม เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มขายเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ขยายตัวเติบโตจนมาถึงทุกวันนี้

“วิน” เล่าให้ฟังว่า ความอยากเป็นนักธุรกิจตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนปี 1 คณะเศรษฐศาสตร์ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนั้นอายุ 18 เมื่อมีเพื่อนมาชวนทำออร์กาไนซ์รับจัดคอนเสิร์ต และจัดงานอีเวนต์ต่างๆ เขาโดดร่วมด้วยทันที เริ่มงานแรกด้วยการจัดคอนเสิร์ตเล็กๆจ้างพี่ๆวง “เก็ตสึโนวา” มาแสดง ตอนนั้นรู้สึกสนุกมากที่ได้ลงมือทำธุรกิจจริงๆ ต้องทำกันเองทุกอย่าง ตั้งแต่ยืนขายบัตร แจกบัตร ติดริสต์แบนด์ให้ลูกค้าด้วยตัวเอง

ก่อนที่ต้องเลิกทำ หลังเข้าสู่วงการบันเทิงและโด่งดังอย่างมาก จากซีรีส์เรื่องแรกในค่าย GMMTV เรื่อง “เพราะเราคู่กัน 2gether The Series” มีแฟนคลับชาวไทยและอินเตอร์แฟนติดตามทั่วเอเชีย ทำให้ไม่มีเวลา...จึงได้เลิกทำแม้จะยังสนุกอยู่

เมื่อโลดแล่นในวงการบันเทิงและแฟชั่น ได้แต่งตัว ได้ใส่เสื้อผ้าหลายๆแบบตามบทบาทที่ได้รับ ทำให้เขาค้นพบตัวเองอีกมุมว่า เขามีความชื่นชอบในด้านแฟชั่น จึงตัดสินใจรวบรวมเงินที่ได้จากงานแสดงหลักล้านทำแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นแนวสตรีท “VELENCE” ขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ปัจจุบันทำมา 4 ปีแล้ว มีลูกค้าสั่งซื้อทั้งในประเทศและส่งออกตามคำสั่งซื้อมากถึง 15-16 ประเทศ มีสินค้าหลากหลาย เสื้อผ้า เครื่องประดับ หมวก กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ

“ครั้งแรกที่ทำเสื้อผ้า ยังไม่มีบริษัทเป็นรูปเป็นร่าง เมื่อออกแบบและผลิตสินค้าออกมาได้ ก็เรียกเพื่อนๆให้มาช่วยถ่ายรูป วางฟอนต์ วาง text ทำอาร์ตเวิร์กแค็ตตาล็อก โพสต์ขายสินค้า โดยผมเป็นคนกำกับว่าอยากได้ยังไง ซึ่งตอนนั้นปี 2564 ผมอายุ 21 ยังเรียนอยู่มหาลัยปี 4 พอเปิดตัวออกไปก็ได้ผลตอบรับที่ดี ซึ่งยอมรับว่า เราได้การซัพพอร์ตจากแฟนคลับที่รักเรา ซึ่งผมต้องขอบคุณมากๆ แต่เป้าหมายของผม ผมพยายามที่จะทำให้คนรักที่แบรนด์จริงๆ ไม่ใช่ซื้อเพราะรักที่ตัวเราอย่างเดียว อยากจะให้คุณค่ากับสินค้าที่เขาได้รับไปด้วย คุณค่าจากตัวสินค้าจริงๆ ทั้งคุณภาพ การตัดเย็บ และดีไซน์ที่ตอบโจทย์การแต่งตัวของคนรุ่นใหม่”

แม้จะเริ่มต้นอย่างมือสมัครเล่น แต่ “วิน” บอกว่าเขาจริงจังกับแบรนด์ “VELENCE” โดยตลอด 4 ปีมานี้ เขาได้ศึกษา พัฒนาเรียนรู้ ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ มีทำ target survey รวบรวมข้อมูลดาต้า มาวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งเทรนด์แฟชั่น การตลาด แม้กระทั่ง sizing หรือขนาดที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด เพื่อบริหารจัดการผลิตและบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบัน “VELENCE” กำลังไปได้ดี โดยทุกๆคอลเลกชันที่ออกมาได้การตอบรับที่ดี และค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาตั้งเป้าหมายให้แบรนด์ “VELENCE” สามารถ ขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ส่งออกไปขายในตลาดเอเชียและขยายไปสู่ Global ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

“วิน” เล่าให้ฟังต่อว่า หลังเปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์ “VELENCE” ออกมา ไม่กี่เดือนถัดมาในปีเดียวกันนั้น ซึ่งยังเป็นช่วงการระบาดของโควิด–19 ที่เขาและครอบครัวต้องอยู่กันแต่ในบ้าน ด้วยความที่บ้านชอบทานขนม และชอบทำขนมทานกันเองในบ้าน ประกอบกับพี่สาวเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์การอาหารและได้ไปเรียนทำขนมที่ เดอ กอดองเบลอ โรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดัง จึงคิดทำขนม “มาการอง” ออกขาย โดยทดลองปรับสูตรและรสชาติกันอยู่พักนึง จนได้ “มาการอง” ที่อร่อยที่สุด 6 รสชาติ

จากนั้นก็โพสต์ขายในไอจี official ของ “SOURI” หรือซูรี (มาจากภาษาฝรั่งเศส Sourire ที่แปลว่า รอยยิ้ม) รวมทั้งโพสต์ขายในไอจีของตัวเองด้วย ผลปรากฏว่าแค่วันแรกเพียงวันเดียวมีออเดอร์คำสั่งซื้อเข้ามามากถึง 6 พันออเดอร์ ทำให้เขาต้องปิดรับออเดอร์ทันที พร้อมเกณฑ์ทุกคนในบ้านมาช่วยกันทำ โดยมีคุณแม่ ตัวเขา แม่บ้าน และพี่สาวอีก 2 คน เพื่อเร่งลงมือทำ “มาการอง” จากเตาอบเล็กๆในบ้านทำให้ต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะทำ “มาการอง” ส่งลูกค้าได้ทั้งหมด หลังจากนั้นก็มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จากคนในครอบครัว 4 คน ในวันนั้น ปัจจุบัน “SOURI” มีพนักงานกว่า 150 คน มีทีม R&D คิดรังสรรค์ออกแบบเมนู มีประเภทสินค้า ขนมและเครื่องดื่มไอศกรีมในร้านรวม 120-130 sku

ตั้งแต่ปี 64 ที่ “SOURI” เปิดขายออนไลน์มาโดยตลอด จนต้นปี 67 ที่ผ่านมา “SOURI” ก็ได้ฤกษ์เปิด Permanent Store เป็นที่แรกที่ The EmSphere ซึ่งมีลูกค้าต่อคิวรอซื้อล้นหลาม และยังไม่ทันสิ้นปี ขณะนี้ “SOURI” เปิดให้บริการแล้ว 14 สาขา เมื่อปี 66 เขาเคยเผยตัวเลขว่ามียอดขายเฉพาะ “มาการอง” อย่างเดียวเดือนละกว่า 1 แสนชิ้น แต่วันนี้ยอดขายเพิ่มขึ้นมาเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 2 แสนกว่าชิ้น ในราคาชิ้นละตั้งแต่ 90-120 บาท เคาะตัวเลขคร่าวๆก็น่าจะมียอดขายเดือนละ 25 ล้าน ปีนึงก็ราว 300 ล้านบาท!! “วิน” ตั้งเป้าหมายนำ “SOURI” ออกไปเปิดสาขาต่างประเทศทั่วเอเชีย โดยจะเริ่มในปี 69 นี้

“วิน” ปิดท้าย ว่า Business on myway ของผม หลักๆคือ การทำให้ผมรู้สึกมีแรงอยากออกมาทำสิ่งใหม่ๆ หรือทำสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันคือ PASSION ล้วนๆ ทำแล้วเป้าหมายเราคืออะไร เราทำในแต่ละอย่างเพื่ออะไร พอตรงนี้มันชัดเจน ทำให้รู้ว่าในแต่ละวันเราจะตื่นขึ้นมาทำอะไร

“วิน”ขยายความต่อว่า เป้าหมายของผมในวันนี้คือ"ผมอยาก เกษียณเมื่ออายุ 35 เพราะผมรู้ว่าตอนนี้ผมทำอะไรอยู่ ซึ่งมันหนักมากขนาดไหนในสิ่งที่ผมทุ่มเทและตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่ คำว่าเกษียณของผมคือผมอยากถอดตัวเองออกจากธุรกิจของผมได้ คือผมสามารถทำให้ทุกอย่างมันสามารถเดินหน้า หรือ run ด้วยตัวเองได้ โดยที่ผมไม่ต้องลงแรงเท่านี้แล้ว นี่คือหนึ่งในเป้าหมาย ที่แปลว่าธุรกิจมันสำเร็จ มัน success ในจุดนึงของมันแล้ว!!” ศิลปินนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงทิ้งท้าย.

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ