“เราอยากเห็น อมารี (Amari) เป็นแบรนด์โรงแรมสัญชาติไทยที่มีศักยภาพในการแข่งขันเทียบเท่าหรือสูงกว่าแบรนด์ต่างชาติ อมารี (Amari) เป็นหนึ่งในแบรนด์เรือธงของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ในตลาดโรงแรมและรีสอร์ต ที่โลดแล่นในธุรกิจท่องเที่ยวและบริการมากว่า 50 ปี ให้บริการนักเดินทางเพื่อธุรกิจและการพักผ่อนในรูปแบบ City MICE Hotel, Urban Resort และ Resort ภายใต้การบริหารกว่า 17 แห่ง ในหลายประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งต้องการสร้างให้องค์กรออนิกซ์ฯ เป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เป็นการกระโดดอย่างมั่นใจ และมีเป้าหมายที่ชัดเจน เป็นหนึ่งในองค์กรที่คนเก่งๆ หรือคนที่มีทาเลนต์ (Talent) อยากเข้ามาทำงานด้วยภายใต้การเป็นองค์กรที่มีจุดยืนในด้านคุณค่าของแบรนด์และวัฒนธรรมองค์กรที่ดี นี่คือแพชชั่น (Passion) ที่อยากจะสร้างให้เป็นเช่นนั้น”
นี่คือคำกล่าวที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและสอดแทรกไปด้วยวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำอันโดดเด่นทั้งด้านธุรกิจและการพัฒนาบุคลากรของ ท็อป-ยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป
อนาคตของ “อมารี (Amari)” แบรนด์โรงแรมเรือธงของกลุ่มออนิกซ์ฯ
กว่าครึ่งศตวรรษในอุตสาหกรรมโรงแรมและการบริการ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป บริษัทบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ และที่พักระดับหรูแถวหน้าของภูมิภาค โดยมี “อมารี (Amari)” เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟลกชิปของกลุ่ม ภายใต้การบริหารงานของผู้นำรุ่นใหม่อย่าง ยุทธชัย จรณะจิตต์ ผู้นำที่เปี่ยมล้นไปด้วยวิสัยทัศน์การทำงานที่แน่วแน่ แผนการดำเนินงานที่รอบคอบ มุ่งหวังสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน
ดังนั้น ก้าวต่อไปของแบรนด์อมารี (Amari) ยังคงทำการ “พัฒนาแบรนด์” อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานและพัฒนาคุณภาพของแบรนด์ให้ไปข้างหน้าต่อไป แต่นอกเหนือจากการพัฒนาแบรนด์แล้วการ “พัฒนาคน” คือสิ่งที่เราให้ความสำคัญควบคู่กันมา เพราะธุรกิจบริการขาดคนไม่ได้ พนักงานจะทำหน้าที่ในการนำเสนอความเป็นแบรนด์ออกไปผ่านบริการและการสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับแขกที่มาใช้บริการ ดังนั้นพนักงานต้องมีความเข้าใจในเรื่องจุดยืนและอัตลักษณ์แบรนด์นั้นๆ อย่างถ่องแท้ เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความเป็นแบรนด์นั้นๆ ได้อย่างเข้าใจและเป็นธรรมชาติ
บวกกับการสร้าง ‘วัฒนธรรมองค์กร’ ที่แข็งแกร่ง จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะวัฒนธรรมองค์กรที่ดีจะทำให้เกิดการเรียนรู้ไปพร้อมกับความสนุก เปิดใจและสร้างแพชชั่น (Passion) ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการให้เป็นนั่นคือ “Regional Brand with Thai Approach” แต่สิ่งเหล่านี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืน เรายังคงต้องพัฒนาทั้งแบรนด์และคนของเราต่อไปเรื่อยๆ เพื่อไปสู่จุดหมายนั้นและก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาดนักเดินทางได้ในทุกรูปแบบอย่างทันท่วงที
“อีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องของ “การสื่อสาร” เพราะการสื่อสารที่ดีจะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ได้ชัดขึ้น ผลที่ตามมาคือแบรนด์มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น และสามารถเรียกราคาได้สูงขึ้นตามมา รวมถึงการกระตุ้นให้เกิดการกลับมาใช้บริการซ้ำในครั้งต่อๆ ไป ทุกแบรนด์ภายใต้ ออนิกซ์ฯ ซึ่งรวมถึงแบรนด์ “อมารี (Amari)” เราให้ความสำคัญกับสิ่งนี้อย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนของการวางกลยุทธ์แบรนด์ที่ชัดเจน ตลอดจนแนวทางและเครื่องมือสื่อสารที่เหมาะสมต่อตลาดและแบรนด์นั้นๆ ในการถ่ายทอดแบรนด์ออกสู่กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ได้อย่างที่ตัวตนแบรนด์นั้นเป็น” ยุทธชัย กล่าวเสริม
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามุมมองของ ยุทธชัย ต่อการเติบโตของแบรนด์ “อมารี (Amari)” ได้ให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กร และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล แสดงให้เห็นถึงการมองไปยังรากฐานของธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำเป็นต่อการเติบโตในระยะยาว ตลอดจนความพยายามในการพัฒนาและสื่อสารแบรนด์ ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้าที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นในยุคนี้
กว่าจะมาถึงวันนี้ “อมารี(Amari)” ผ่านวิกฤติมาได้อย่างไร
ช่วงวิกฤติโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของคนทำธุรกิจโรงแรมแทบทุกราย รวมถึงอมารี (Amari) ด้วยเช่นกัน ในช่วงนั้นก็จะมีทั้งการเลย์ออฟพนักงาน ลดเงินเดือน ปิดโรงแรมชั่วคราว ขาดสภาพคล่อง ต้องกู้เงินเพิ่ม แต่สำหรับออนิกซ์ฯ เราขยับตัวเร็วในการเจรจากับทุกภาคส่วนและหลังจากแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้แล้ว ก็ต้องวางแผนในการดำเนินงานต่อให้มีประสิทธิภาพอย่างไร ถึงแม้ตอนนี้จะผ่านช่วงวิกฤติไปแล้ว สิ่งที่ยังเป็นความท้าทายอยู่ของอุตสาหกรรมโรงแรมและบริการก็คือการหาบุคลากรมาเสริมทีม โดยเฉพาะบุคลากรคุณภาพที่มีประสบการณ์
“อีกหนึ่งช่วงที่เทียบแล้วจะเป็นหนังชีวิตได้เลยก็คือ ช่วงที่เราเริ่มขยายออกไปนอกประเทศ อมารี (Amari) ลองผิดลองถูกมาเยอะมาก บางตลาดแม้จะทำการศึกษาและเตรียมการมาอย่างดี แต่การเข้าไปเปิดตลาดใหม่ในช่วงแรกๆ ก็มักจะต้องเจอความท้าทายที่คาดไม่ถึงเข้ามาได้ตลอด แต่ก็ผ่านมาได้ และก็ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้นในการบริหารจัดการโรงแรม”
ดังนั้นท้ายที่สุดแล้วหากจะกล่าวว่า “ภูมิภาค” ที่ Amari มีความเชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือ “เอเชียตะวันออกเฉียงใต้” ซึ่งเป็นตลาดที่มีรากฐานของแบรนด์มายาวนาน ทั้งในมุมของเจ้าของธุรกิจโรงแรมและศักยภาพในการบริหารจัดการ จึงทำให้มั่นใจว่าจะเป็นตลาดที่เรามีประสบการณ์ที่แข็งแกร่งสามารถแข่งขันกับแบรนด์ต่างชาติได้อย่างแน่นอน
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามตลาดในภูมิภาคนี้ก็เป็นตลาดที่ไม่ง่าย มีการแข่งขันกันสูงมากในเรื่องราคา (Pricing) และปริมาณ (Volume) เราอยู่ในตลาดที่เราต้องวิ่งด้วยความเร็วค่อนข้างสูง และต้องปรับตัวได้เร็วตลอดเวลาครับ ถ้าเราทำได้ดีและได้เร็วตลาดนี้ยังเปิดกว้างในโอกาสเติบโตได้อีกมาก”
ขณะเดียวกัน ยุทธชัยยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ที่ท้าทายต่อการดำเนินงานและการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญขององค์กรว่า สถานการณ์เหล่านี้ทำให้องค์กรเรียนรู้และพัฒนาตัวเองในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสำคัญของการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน และการตัดสินใจและปรับตัวที่รวดเร็ว เพื่อลดผลกระทบเชิงลบในสถานการณ์โควิด การลองผิดลองถูกในการปรับตัวให้เข้ากับตลาดใหม่ และการบริหารจัดการธุรกิจในต่างประเทศ
แม้แต่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นตลาดที่องค์กรมีความถนัดมากที่สุด แต่ก็ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงในหลายมิติ พิสูจน์ให้เห็นว่า “อมารี (Amari)” ต้องมีกุญแจสำคัญที่นำพาธุรกิจสู่ความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้
จุดแข็งที่พา “อมารี (Amari)” สู่ความสำเร็จ
“เรามีแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกัน ซึ่งจับกลุ่มเป้าหมายและตลาดที่แตกต่างกัน “อมารี (Amari)” เป็นแบรนด์โรงแรมระดับ Upper Upscale ที่พร้อมมอบบริการเต็มรูปแบบทั้ง City MICE, Urban Resort และ Resort ด้วยจุดยืนที่ชัดเจนในการมุ่งมั่นทำให้แขกรู้สึกอบอุ่นและอิ่มใจในทุกครั้งที่มาเยือน ผ่านการหลอมรวมวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้ากับความใส่ใจในเรื่องการให้บริการ และงานออกแบบที่มีความเป็นไทยร่วมสมัย มีเครือข่ายที่ครอบคลุมทั้งเมืองชายทะเลไปยังเมืองใหญ่ที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ทำให้วันนี้ อมารี (Amari) เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติในเรื่องคุณภาพทั้งการบริการและประสบการณ์ จึงทำให้ประสบความสำเร็จมาได้อย่างยาวนานร่วม 50 ปี และได้รับรางวัลในระดับสากลมากมาย”
ยุทธชัย กล่าวต่อไปว่า แบรนด์ “อมารี (Amari)” เป็นมากกว่าที่พักของนักเดินทางเพื่อธุรกิจหรือการพักผ่อน แต่เป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญในการมอบประสบการณ์ที่มุ่งสร้างช่วงเวลาการเข้าพักของแขกให้เต็มไปด้วยความพิเศษในทุกมิติ ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ร่วมสมัยของแต่ละวัฒนธรรมท้องถิ่นที่โรงแรมตั้งอยู่ สิ่งนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ นี่จึงทำให้อมารี (Amari) แตกต่างจากคู่แข่งอื่น ๆ ที่มุ่งเน้นการบริการมาตรฐานด้านการต้อนรับเพียงอย่างเดียว
“และสิ่งนี้เอง ยังสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ในเรื่อง “A Tailored Approach to Hospitality” ในการที่แบรนด์อมารี (Amari) ได้นำเสนอโซลูชันที่ตรงตามความคาดหวังของตลาดในเซกเมนต์ต่าง ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษามาตรฐานของแบรนด์อันทรงคุณค่าได้อย่างดี”
ผู้นำในแบบฉบับ “ยุทธชัย จรณะจิตต์”
ยุทธชัย มองว่า “การมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือสิ่งสำคัญที่ผู้นำต้องมี แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องรู้จักถ่อมตนด้วยเช่นกัน ผู้นำที่ดีต้องลงมือจริงและเข้าถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่อย่างลึกซึ้ง สำคัญที่สุดคือต้องสร้างทีมที่ดี ต้องมอบหมายงานให้เหมาะกับศักยภาพของทรัพยากรบุคคลที่มี บริหารทีมได้อย่างชาญฉลาด และมีมุมมองที่กว้าง ไม่ได้มีเฉพาะความรู้ความสามารถเฉพาะด้านที่ถนัดเท่านั้น”
“อย่างที่ “อมารี (Amari)” เราไม่ได้มองหาเฉพาะคนที่มีความรู้ด้านงานโรงแรมอย่างเดียว แต่เราพยายามเลือกคนที่มีทักษะที่หลากหลายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเรา ที่สำคัญคือต้องอินกับสิ่งที่ทำ ต้องมีแพชชั่นเพราะถ้าคุณไม่ให้คุณค่ากับสิ่งที่กำลังทำ มันก็จะกลายเป็นแค่งาน รวมถึงต้องมีความเชื่อในแบรนด์ที่ทำอยู่ด้วย” ยุทธชัย แสดงความคิดเห็น
สำหรับ “อมารี (Amari)” แบรนด์โรงแรมจากกลุ่ม ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ ที่สะท้อนถึงความอบอุ่นและตัวตนอันทรงเสน่ห์ ภายใต้การต้อนรับแบบตะวันออกที่อบอุ่นสดใส โดยมีที่พักในหลายประเทศกว่า 17 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นไทย มาเลเซีย ลาว บังกลาเทศ และศรีลังกา และยังมีแผนขยายไปยังที่อื่นๆ อีกมากมาย
ด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโรงแรมและการบริการ ความรู้ความสามารถ กลยุทธ์ในการบริหาร และวิสัยทัศน์อันมุ่งมั่นของยุทธชัย จรณะจิตต์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้วางหมุดหมายไว้อย่างชัดเจนในการขยายการเติบโตของแบรนด์ อมารี (Amari) ให้เป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ของภูมิภาค มีศักยภาพการแข่งขันให้ทัดเทียมกับแบรนด์โรงแรมระดับโลก และมุ่งมั่นที่จะพา ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป สู่การเป็น “The Best Medium-sized Hospitality Management Company in Southeast Asia” อย่างแท้จริง