“อินทนิล” แบรนด์กาแฟไทย ในปั๊มบางจาก ที่วันนี้ไม่ได้ขายแค่กาแฟ แต่ขายหมูปิ้ง-ผลไม้ด้วย

หากพูดถึงร้านกาแฟ Eco Brand ที่สร้าง Impact ทั้งยอดขายและรักษ์สิ่งแวดล้อม ไปพร้อมๆ กัน “อินทนิล” คงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกนึกถึงอย่างแต่นอน 

โดย อินทนิล ถือเป็นร้านกาแฟชั้นนำของประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์มากว่า 18 ปี ภายใต้การดูแลของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด อินทนิลได้พิสูจน์ตัวเองในฐานะแบรนด์กาแฟที่ไม่เพียงแต่เน้นการมอบเครื่องดื่มคุณภาพ และยังมุ่งมั่นในการดูแลสิ่งแวดล้อมผ่านนโยบายที่เป็นมิตรต่อโลก จนขึ้นแท่น แบรนด์ที่ใช้พลาสติกชีวภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน ล่าสุดได้ตั้งเป้าขยายสาขาเป็น 1,060 ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมประกาศเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มปีละ 200 สาขา

ยศธร อรัญนารถ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด กล่าวว่า อินทนิลได้สร้างชื่อเสียงในการเป็นแบรนด์กาแฟที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง โดยใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกชีวภาพที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ 100% ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งเป็นการนำร่องในประเทศไทยและยังเป็นแบรนด์ที่ใช้พลาสติกชีวภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน

นอกจากการเป็นผู้นำในด้านการรักษ์โลกแล้ว อินทนิลยังแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ที่มีมากกว่า 1,000 สาขา ทั่วประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ กัมพูชาและลาว การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้เกิดจาก "ยุทธศาสตร์การบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ทั้ง 5 ด้าน" ซึ่งประกอบด้วย

1.แผนการขยายสาขาในทำเลที่ดีที่สุด 

อินทนิลมุ่งมั่นที่จะเลือกทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสำหรับการเปิดสาขาใหม่ โดยตั้งเป้าหมายขยายสาขาให้ถึง 1,060 สาขาภายในสิ้นปี 2567 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น กัมพูชา และลาว ซึ่งแผนนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและขยายฐานลูกค้าในทุกภูมิภาค

2.การพัฒนาร่วมกับผู้ประกอบการ

อินทนิลให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการในการออกแบบร้านรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Unique Design เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนในด้านการบริหารจัดการ การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ได้มาตรฐาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

3.การพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพและเป็นมาตรฐาน

อินทนิลเน้นการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะบาริสต้า ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นและการพัฒนาทักษะผ่านโปรแกรม Mobile Training to Store และการฝึกอบรมออนไลน์ เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมและเป็นไปตามมาตรฐานของแบรนด์

4.การพัฒนาด้านการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์

อินทนิลมีความพร้อมในการเข้าถึงลูกค้าผ่านการทำการตลาดแบบ CRM และการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพและเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูเครื่องดื่ม

5.การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริการ

อินทนิลนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการพัฒนาการบริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้ QR Smart Order เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ

ยศธร กล่าวเสริมว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าใช้จ่ายต่อบิล 100 บาท ดังนั้นเราจึงต้องการเพิ่มสินค้าที่เป็น Non drink มากขึ้น เพื่อสร้างความแตกต่าง เช่น หมูปิ้ง ผลไม้ด้วย เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคเปลี่ยนไป ร้านจะใช้มาตรฐานเดิมไม่ได้ ดังนั้นต้องปรับตัวให้สอดรับกับเทรนด์ยุคใหม่ๆ ที่วันนี้ต้องเป็นมากกว่าแค่ “ขายกาแฟ” 

รวมทั้งตั้งเป้าหมายในการขยายสาขาให้ถึง 1,060 สาขาภายในสิ้นปี 2567 โดยจะขยายปีละ 200 สาขา จากเดิมขยายเฉลี่ยประมาณ 150 สาขา เพราะมีการรวมเอาปั๊มเอสโซ่เข้ามา ตอนนี้มีปั๊มทั้งหมด 2,200 แห่ง 

ทั้งนี้สาขาอินทนิล เป็นแฟรนไชน์ 700 สาขา คิดเป็น 75% และที่บางจากบริหารเองอีก 25% รวมทั้งในปีนี้ยังวางแผนที่จะขยายสาขาในลาว เพิ่ม 1-2 สาขา 

“การเติบโตนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายธุรกิจ และความมุ่งมั่นของอินทนิลในการเป็นผู้นำตลาดร้านกาแฟในภูมิภาค รวมทั้งการก้าวต่อไปของอินทนิลจะเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในธุรกิจร้านกาแฟ และการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล อินทนิลจะยังคงเป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเติบโตไปพร้อมกับผู้ประกอบการและผู้บริโภคในอนาคต” 

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney