“แสนสิริ” ย้ำแบรนด์อสังหาฯอันดับหนึ่ง “บิ๊กอุทัย” ปลื้มครึ่งแรกยอดขายฉลุยสิ้นปีโตตามเป้า

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“แสนสิริ” ย้ำแบรนด์อสังหาฯอันดับหนึ่ง “บิ๊กอุทัย” ปลื้มครึ่งแรกยอดขายฉลุยสิ้นปีโตตามเป้า

Date Time: 1 ส.ค. 2567 08:40 น.

Summary

  • ผ่านพ้นครึ่งปีแรกได้อย่างสวยหรู แม้จะต้องเจอภาวะเศรษฐกิจซบเซา สำหรับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มบริษัทแสนสิริ หนึ่งในผู้นำบิ๊กเบิ้มแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แม่ทัพคนใหม่ “อุทัย อุทัยแสงสุข” กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งบะละฮึ่มเมื่อต้นปีนี้ จากก่อนหน้านี้รับหน้าที่ “ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ” มายาวนาน โดยสามารถนำนาวา “แสนสิริ” ได้ตามเป้าที่วางไว้

Latest

ยกระดับงานสถาปนิก ’68 เพิ่มมูลค่าให้กับประเทศ รับอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้น

“อุทัย อุทัยแสงสุข” กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของ “แสนสิริ” ย้ำลั่นว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 ทั้งในส่วน “ยอดขาย-ยอดโอน” แสนสิริ สามารถเติบโตได้ตามเป้า แม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะไม่สดใสมากนัก กำลังซื้อโดยรวมถดถอย ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูง แต่ด้วยภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณภาพอย่างแสนสิริที่ผู้บริโภคเชื่อใจ พร้อมทีมงานการตลาดและการขายที่เปี่ยมคุณภาพ

“แต่ยอมรับว่ามีปัญหาในเรื่องของสปีดการขายที่อาจไม่เท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัญญาณว่าในช่วงครึ่งปีหลังสปีดการขายอาจยิ่งลดลง จึงต้องมีการปรับแผนรับมือในเรื่องนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง”

ขาย Sold Out ครึ่งแรกไปได้สวย

อย่างไรก็ดี สำหรับครึ่งปีแรก 2567 แสนสิริสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสแรก 8% คิดเป็น 48% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ช่วงครึ่งปีแรกแสนสิริยังมียอดโอนถึง 20,000 ล้านบาท เติบโตจากไตรมาสแรก 6% และคิดเป็น 47% จากเป้าหมายยอดโอนทั้งปีที่ 43,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกนี้ โครงการเปิดตัวใหม่ ปรากฏว่าทำยอดขายได้ดีในทุกโครงการและประสบความสำเร็จจากการขายหมด หรือ Sold Out!! ถึง 20 โครงการมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท

“ในช่วงครึ่งปีแรก แสนสิริยืนหนึ่งผู้นำโครงการระดับลักชัวรี บูก้าน พระราม 9-เหม่งจ๋าย ปิดการขายในวันแรกที่เปิดจอง รวมทั้ง แบรนด์ใหม่ “ELSE” (เอลซ์) เอกซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ ได้รับการตอบรับที่ดีมากจนปิดการขายไปถึง 2 โครงการ ได้แก่ เอลซ์ ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ” ที่ Sold Out ก่อนเปิดตัวโครงการ และล่าสุด “เอลซ์ กรุงเทพกรีฑา ทำให้มั่นใจว่าถึงสิ้นปีนี้ จะสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีแน่นอน”

โดยในปี 2567 แสนสิริได้วางแผนว่าจะเปิดตัวรวม 46 โครงการ มูลค่ารวม 61,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 26 โครงการ มูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท และแนวสูง 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นขยายการลงทุนไปยังหัวเมืองท่องเที่ยวและทำเลศักยภาพที่มีความต้องการสูง โดยการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมดในปี 2567 นี้เป็นการสนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับเป้ายอดขายรวมในปี 2567 อยู่ที่ 52,000 ล้านบาท และยอดโอนทั้งปี 2567 อยู่ที่ 43,000 ล้านบาท

“เราได้รับการตอบรับที่ดีในทุกเซ็กเมนต์ ทั้งคอนโดมิเนียมแบรนด์คอนโด มีที่ปิดการขายไปถึง 6 โครงการ ขณะที่แนวราบได้รับการตอบรับที่ดีทุกโปรดักส์ ทั้งทาวน์โฮมโครงการ สิริ เพลส บางนา-เทพารักษ์ บ้านและทาวน์โฮมแบรนด์ อณาสิริ บ้านเดี่ยวแบรนด์คณาสิริ ฮาบิเทียไพร์ม และเศรษฐสิริ รวมทั้งโครงการระดับลักชัวรี บูก้าน พระราม 9-เหม่งจ๋าย ที่ขายหมดในวันแรกที่เปิดจอง และแบรนด์ใหม่ “ELSE” (เอลซ์) เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่เอกซ์คลูซีฟ เรสซิเดนซ์ จำนวนยูนิตน้อย Private สูง ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมาก”

ไตรมาส 3 รุกต่อเปิดใหม่ 13 โครงการ

สำหรับแผนธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 แสนสิริจะรุกเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 13 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 16,000 ล้านบาท ไฮไลต์ การเปิดตัวคอนโดมิเนียมถึง 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วยทั้งโครงการบนทำเลศักยภาพในย่าน CBD บนทำเลสุขุมวิท, การรุกพัฒนาโครงการใน Strategic Location หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมถึงตลาดฝั่ง EEC โซนภาคตะวันออก ตั้งแต่พัทยา บางแสน พร้อมทั้งลุย เปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญแสนสิริ ได้ให้ความสำคัญกับการบริหาร Portfolio ให้เหมาะสมรองรับการเติบโต ใช้เงินลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลประกอบการที่โตอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ตอกย้ำ 40 ปี ”แสนสิริ“ แบรนด์อสังหาฯ อันดับหนึ่ง ผ่านการออกแบบที่โดดเด่น รักษามาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้าและการบริการ

เป้าหมายอันดับ 1 กลุ่มอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย

ทั้งนี้ ในปี 2567 แสนสิริจะยังคงตั้งมั่นใน 3 กลยุทธ์ เพื่อครองความเป็นผู้นำในกลุ่มอสังหาฯ เพื่ออยู่อาศัย 1.รักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตสม่ำเสมอ 2.บริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย และ 3.ให้ความสำคัญกับสินค้า บริการ และความยั่งยืน พร้อมยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการให้เป็นอันดับ #1 ในกลุ่มอสังหาฯเพื่อ
อยู่อาศัย ซึ่งเป็นสิ่งที่แสนสิริยึดมั่นมาตลอด

เห็นได้จากในปีที่ผ่านมา “แสนสิริ” สามารถคว้าอันดับ 1 บริษัทชั้นนำกลุ่มอสังหาฯเพื่ออยู่อาศัยในไทย จาก Fortune Southeast Asia 500 โดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) สื่อธุรกิจชั้นนำระดับโลก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดอันดับ 500 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สะท้อนการเติบโตในระดับท็อปของประเทศ ตอกย้ำความแข็งแกร่งสู่ปีที่ 40 “RESILIENT GROWTH” แบรนด์อสังหาฯ อันดับ 1 ผู้นำด้านดีไซน์และคุณภาพการบริการ โดยการจัดอันดับนี้ พิจารณาจากรายได้ของบริษัทจากงบการเงินประจำปี 2566 โดยแสนสิริอยู่ในอันดับที่ 249 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, อันดับที่ 46 ของไทย และเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มผู้ประกอบการประเภทที่อยู่อาศัย

ขณะที่ในปี 2566 แสนสิริสามารถมีกำไรสุทธิสูงถึง 6,060 ล้านบาท ซึ่งนับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ก่อตั้งมาได้ 40 ปี หรือ ALL-TIME HIGH เพิ่มขึ้น 42% จากปี 2565 หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ ที่ 15.5% นับว่าเป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตด้านกำไรสุทธิสูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯเพื่อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ รายได้รวมก็ถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่เช่นกันอยู่ที่ 39,082 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า จากการเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดอสังหาฯในระดับลักชัวรี่และมียอดโอนต่อเนื่อง

ความสำเร็จดังกล่าว สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและลูกค้า และแสนสิริจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคม และการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาระดับการเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย พร้อมกันนี้ “แสนสิริ” ยังเดินหน้าเรื่องความยั่งยืน ได้มีการชวนพาร์ตเนอร์และพันธมิตรมาร่วมกัน เพื่อรับมือปัญหาโลกร้อนด้วยโมเดล Green Supply Chain รองรับเศรษฐกิจสีเขียว โดย “แสนสิริ” นับเป็นอสังหาริมทรัพย์รายแรกของไทยที่ตั้งเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero)

“ปี 2567 นับเป็นก้าวสำคัญของแสนสิริในโอกาสดำเนินธุรกิจสู่ปีที่ 40 กับการก้าวสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของผู้นำอสังหาริมทรัพย์อย่างเต็มภาคภูมิ เรามองว่าความยั่งยืนเกี่ยวเนื่องกับความเสี่ยงของธุรกิจด้วยเช่นกัน อาทิ ทรัพยากร ธรรมชาติที่ขาดแคลน อาจหมายถึงราคาวัตถุดิบที่แพงขึ้น วัสดุทางเลือกเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ต้องมีการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและย่อยสลายได้ง่าย รวมถึงนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่, ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะและคุณภาพชีวิตของแรงงาน รวมถึงมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาความยากจนและการเข้าถึงบริการพื้นฐาน เพราะหากแรงงานไม่มีความสุข productivity อาจจะลดลง และส่งผลระดับ operation หยุดชะงัก จึงเป็นความท้าทายที่ธุรกิจจะต้องเข้าใจ ต้องผนวกแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืนเข้าไปในกลยุทธ์ขององค์กร ต้องบูรณาการให้ครอบคลุมมิติด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจไปพร้อมๆกันอย่างสมดุล”.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ