นายฟ้าใหม่ ดํารงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จีเอ็มเอ็ม มิวสิค กำลังเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจมีเดียไปสู่ธุรกิจ IP (Intellectual Property) ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขยายธุรกิจเพลงและธุรกิจดิจิทัล รวมถึงการต่อยอด ธุรกิจเพลงสู่ตลาดโลก หลังจากได้พันธมิตร “เทนเซ็นต์ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนต์ กรุ๊ป” เข้ามาร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ และร่วมผลักดันแผนการนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ให้ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ ในตลาดระดับโลกโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเพลง เรากำลังก้าวไปสู่สิ่งที่เรียกว่า ยุค Music Second Wave สภาพการณ์ที่ตลาดเพลงกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก เพราะการเติบโตของดิจิทัล สตรีมมิง จะเห็นได้ว่ามูลค่าของอุตสาหกรรมเพลงทั่วโลก คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสองเท่า หรือราว 131 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นตัวเลขจากงานวิจัยของ Goldman Sachs สอดคล้องกับการเติบโตของ GMM MUSIC ที่มีรายได้เติบโตขึ้นเป็นจำนวนหลายพันล้านบาท ซึ่งเป็นสองเท่าจากปี 2558 และการคาดการณ์ล่วงหน้าในอีก 6 ปี รายได้ของเราก็จะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในปี 2573 จะเห็นได้ว่าตลาดเพลงเติบโตรวดเร็วมาก โดยเฉพาะประเทศไทย ทำให้ที่ผ่านมาเราเติบโตได้ประมาณ 30% เทียบกับปีที่ผ่านมาด้วย Music IP ที่มากที่สุด
สำหรับภาพรวมในเอเชียเองก็มีการเติบโตที่เร็วกว่าตลาดโลก มีการเติบโตปีละประมาณ 15% เมื่อเทียบกับตลาดโลกเติบโตปีละ 10% จีเอ็มเอ็ม มิวสิค ได้วางกลยุทธ์ขยายความร่วมมือไปสู่ตลาดเอเชียและตลาดนานาชาติ โดยเฉพาะจีน นอกจากนี้ มีพันธมิตรในอีกหลายประเทศ ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับ YG Entertainment จากเกาหลีในการจัดตั้ง YGMM และ LDH จากญี่ปุ่นในการจัดตั้ง G&LDH เพื่อขยายตลาดธุรกิจ IP ไปสู่ภูมิภาคเอเชียให้มากขึ้น.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่