บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ไม่ใช่แค่อยู่ในฐานะผู้พัฒนาและ บริหารศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าครบวงจรที่สุดในประเทศไทย จากการครองส่วนแบ่งตลาดพื้นที่ค้าปลีกมากถึง 22% ของ 15.1 ล้าน ตร.ม.ทั่วประเทศเท่านั้น
หากแต่ในกลุ่มธุรกิจการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยในสาขาของ Central Pattana Residence พอร์ตของเซ็นทรัลก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด ทั้งหัวเมืองหลักและหัวเมืองรอง ที่กินสัดส่วนพื้นที่อสังหาฯ ภูมิภาคได้มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แพ้ผู้พัฒนารายใหญ่ที่อยู่ในวงการมานาน และผู้พัฒนาระดับท้องถิ่น หรือ local brand ด้วยจุดแข็งด้านทำเล กลยุทธ์เหนือชั้น ทำเลติดห้าง ซึ่งใครก็ทำตามไม่ได้
เจาะ 8 ปีที่ผ่านมา (รวมแผนพัฒนาปี 2567) “วัลยา จิราธิวัฒน์” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เผยว่า บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรวมแล้วทั้งสิ้น 43 โครงการ ครอบคลุม โครงการบ้าน (28 โครงการ) และ คอนโดมิเนียม (15 โครงการ)
เช่น คอนโดฯ แบรนด์ เอสเซ็นท์, บ้านนิรติ และ บ้านนิรดา ระดับลักชัวรี่ ที่มีราคาขาย 20-30 ล้านบาท หรือ นิยามในราคาเริ่มต้น 30-60 ล้านบาท ครอบคลุม 20 จังหวัด ทั่วประเทศ
ผู้บริหาร CPN กล่าวว่า แม้ธุรกิจหลักของบริษัทจะเป็น ห้างสรรพสินค้า แต่ธุรกิจ Residence สามารถทำรายได้ให้กับบริษัทฯ เป็นอันดับที่ 2 อีกทั้งยังทำกำไรเติบโตสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วยสร้างให้ Ecosystem ครบสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น จากกลยุทธ์ Shop-Eat-Work-Play-Stay และ ‘Live’ สร้างย่าน-สร้างเมือง เป็นสังคมของ “Central Citizens”
โดยบ้านและคอนโดของเซ็นทรัลที่กระจายอยู่ตามโลเคชันต่างๆ ทั่วประเทศได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในทุกๆ โครงการ กว่า 6,700 ครอบครัว ขณะปีนี้บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,430 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้าน 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 7 โครงการ เช่น
“เซ็นทรัลพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ครอบคลุมในระดับต่างๆ ตั้งแต่ Super Luxury Class ไปจนถึง Affordable Class เรามีแบรนด์ใหม่ “บ้านนิรดา” ซึ่งเปิดตัวแล้วที่ พระราม 2, อุทยาน-อักษะ ปีนี้จะเพิ่มอีก ขณะคอนโดฯ แบรนด์ ESCENT ล่าสุดทำเล “นครสวรรค์ และนครปฐม” เปิดตัวแรงตั้งแต่ต้นปี ปิดการขายแล้ว 100%”
ทั้งนี้ บริษัทยังจะเน้นจุดแข็ง 3 เรื่อง เป็นกลยุทธ์สำคัญของการพัฒนาโครงการ ดังนี้
ภายใต้การตั้งเป้าปี 2567 บริษัทฯ จะสามารถทำรายได้รวม 7,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% จากปีก่อนหน้าที่ทำรายได้รวมอยู่ที่ 5,900 ล้านบาท
“วัลยา” ผู้บริหาร CPN ยังกล่าวว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจภาพรวมดูไม่สดใส และกลายเป็นปัจจัยท้าทาย “กำลังซื้อ” ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่บริษัทมั่นใจในกลยุทธ์ที่แตกต่างจากบริษัทอื่นๆ และมีจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งที่หาใครเหนือกว่าได้ จึงไม่มีความกดดันแต่อย่างใด
ขณะแผนการพัฒนาแต่ละโครงการ มีการศึกษากลุ่มลูกค้ามาแล้วอย่างดี ที่สำคัญกลุ่มลูกค้าของโครงการเซ็นทรัลแต่ละจังหวัดค่อนข้างมีศักยภาพ เรียกว่าเป็นกลุ่มคนมีฐานะของจังหวัดนั้นๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักซื้อคอนโดฯ ติดห้างเซ็นทรัลเพื่อให้ลูกหลาน และใช้เป็นบ้านหลังที่ 2 ใช้ชีวิตในช่วงวันหยุด
ซึ่งด้วยความสะดวก ปลอดภัย ทำให้ได้รับความสนใจจากทั้งคนในพื้นที่ คนต่างอำเภอ และคนในจังหวัดใกล้เคียง
ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนา ยังเผยว่า เกือบครึ่งปีแรก ปี 2567 บริษัทฯ มียอดขาย และยอดรับรู้รายได้เป็นที่พอใจ ขณะยอดขายรอรับรู้รายได้จากหลายๆ โครงการสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคอนโดฯ แบรนด์เรือธง ESCENT นั้นก็มียอดรออยู่ในมือมากกว่า 1,000 ล้านบาท
พร้อมเชื่อมั่นในกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้า เนื่องจากที่ผ่านมามีการโอนกรรมสิทธ์ด้วยเงินสดสูงถึง 60% ขณะยอดรีเจกต์ หรือปฏิเสธสินเชื่อ ท่ามกลางตัวเลขของตลาดสูงถึง 50% แต่บริษัทฯ ประสบปัญหาแค่ 20% เท่านั้น จึงคาดว่าเป้าหมายท้าทายที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปี รายได้จะเติบโต 20% จากปีก่อน จะสามารถทำได้สำเร็จ.
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney