รอบรั้วการตลาด : MLA จัดกิจกรรม Western Australian Beef & Lamb Competition

มร.สเปนเซอร์ วิตเทกเกอร์ ผู้จัดการฝ่ายการพัฒนาตลาดประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า กิจกรรมการแข่งขัน Western Australian Beef & Lamb Competition โดย Aussie Meat Academy ไม่เพียงสอดคล้องกับเป้าหมายของ MLA ในการเพิ่มมูลค่าเนื้อแดงจากออสเตรเลียเป็นสองเท่าภายในปี 2030 แต่ยังเร่งให้เกิดการรับรู้และความชื่นชอบในเนื้อวัวและเนื้อแกะจากออสเตรเลียมากขึ้นภายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีชื่อเสียงอย่างรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับความเป็นเลิศในการปรุงอาหาร รวมทั้งแนวทางปฏิบัติเพื่อความยั่งยืน ซึ่งจะเป็นเครื่องกําหนดอนาคตของอุตสาหกรรม

มร.ไบรซ์ กรีน ผู้แทนการค้าประจำภูมิภาคอาเซียน สำนักงานการค้าและการลงทุนรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เน้นย้ำความสําคัญของกิจกรรมการแข่งขัน Western Australian Beef & Lamb Competition โดย Aussie Meat Academy ในฐานะกิจกรรมที่ส่งเสริมความเป็นเลิศในการประกอบอาหารและความยั่งยืนภายในภูมิภาค โดยความร่วมมือระหว่างรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย และ MLA

ทั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมนวัตกรรมและสนับสนุนการพัฒนาทักษะความสามารถในการประกอบอาหารในประเทศไทย การจัดกิจกรรมครั้งนี้ช่วยส่งเสริมเป้าหมายของทั้งสองหน่วยงานในการยกระดับวงการอาหาร ขณะเดียวกัน ยังช่วยส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์เนื้อวัวและเนื้อแกะระดับพรีเมียมของออสเตรเลียที่มาจากรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียอีกด้วย

สำหรับเนื้อวัวและเนื้อแกะจากรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีความเป็นเอกเทศ และมีความปลอดภัยทางชีวภาพมากที่สุดในโลก มีชื่อเสียงในเรื่องเนื้อแดงคุณภาพสูง ปลอดภัย และผลิตอย่างมีจริยธรรม เหมาะอย่างยิ่งสําหรับการปรุงอาหารระดับพรีเมียม ซึ่งจะช่วยส่งมอบประสบการณ์เกี่ยวกับโภชนาการและการรับประทานอาหารชั้นเลิศ

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์เนื้อแดงที่ได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาลของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ซึ่งขึ้นชื่อว่ามีริ้วลายหินอ่อนและให้สัมผัสนุ่ม ได้รับการผลิตด้วยมาตรฐานสูง เปี่ยมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยมสําหรับทุกโอกาส

ทั้งนี้ สำนักงานการค้าและการลงทุนรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เปรียบเสมือนด่านหน้าที่คอยให้การสนับสนุนแก่ นักธุรกิจและนักลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรมที่เล็งเห็นถึงศักยภาพ รวมถึงอุตสาหกรรมการผลิตเนื้อวัวและเนื้อแกะระดับพรีเมียม และรวบรวมข้อมูลที่สำคัญต่างๆ เพื่อช่วยให้การทำธุรกิจร่วมกันนั้นเกิดความคล่องตัวสูงสุด

พอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) และผู้บริหารโรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย ย้ำว่า เชฟที่มีทักษะสูงมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนธุรกิจร้านอาหารทั่วเอเชียให้เติบโต จากปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสําคัญกับคุณภาพอาหารและสไตล์การปรุงอาหารอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมากขึ้น กิจกรรม Aussie Meat Academy และ Western Australian Beef & Lamb Competition จึงนับเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งต่อความรู้ให้ทั้งแก่เชฟและผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้มองแค่คุณภาพของเนื้อที่ดีเท่านั้น แต่มองย้อนกลับไปถึงขั้นตอนการเลี้ยงที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอีกด้วย โรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญด้านการปรุงอาหาร เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของอุตสาหกรรม

สำหรับกิจกรรมการแข่งขันสร้างสรรค์เมนูเด็ดจากเนื้อวัวและเนื้อแกะชั้นเลิศจากออสเตรเลีย Western Australian Beef & Lamb Competition โดย Aussie Meat Academy เปิดโอกาสให้เชฟรุ่นใหม่มากความสามารถจำนวน 10 คนจากโรงแรมในเครือ Marriott, Okura Nikko Hotels และ IHG 5-star Hotels ในกรุงเทพมหานคร ได้แสดงความคิดสร้างสรรค์และทักษะในการรังสรรค์เมนูอาหารในสไตล์ตนเอง

โดยการแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ทีม ทีมละ 5 คน ทีมแรกได้รับโจทย์ให้สร้างสรรค์เมนูอาหารไทย ขณะที่อีกทีมได้รับโจทย์ให้ปรุงอาหารตะวันตก กิจกรรมครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ผู้เข้าแข่งขันจะได้ฝึกฝนทักษะการสร้างสรรค์เมนูอาหารจากวัตถุดิบชั้นเลิศเท่านั้น แต่ยังได้รับข้อมูลเชิงลึกอันมีค่าเกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆ ของเนื้อวัวและเนื้อแกะจากรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพระดับพรีเมียม ความหลากหลาย และสามารถนำไปปรุงเป็นอาหารจานเด็ดได้หลายเมนู

ส่วนของรางวัล ผู้ชนะทั้ง 2 ท่าน ซึ่งมาจากการแข่งขันอาหารไทย 1 ท่าน และอาหารตะวันตกอีก 1 ท่าน จะได้เดินทางไปยังรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เพื่อเปิดประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการผลิตชั้นนําของโลก รวมทั้งมาตรฐานด้านความปลอดภัย ตลอดจนได้สัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

หนึ่งในเป้าหมายหลักของกิจกรรมครั้งนี้ คือการส่งเสริมความยั่งยืนและแนวคิดเรื่องการลดปริมาณขยะเป็นศูนย์ (Zero waste) ด้วยการสาธิตวิธีการใช้เนื้อส่วนรองและใช้เนื้อทุกส่วนในการประกอบอาหาร ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจวิธีเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ

ขณะที่ยังคงส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยในการรับประทานอาหารด้วยราคาที่เข้าถึงได้ กิจกรรมนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของอุตสาหกรรมในการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของผู้ประกอบการด้านอาหาร

นางสาว ลิม ฮุย ยิง (YB Lim Hui Ying) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ประเทศมาเลเซีย และ นายรัชฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ เมืองปีนัง พร้อมด้วย นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมกับผู้แทน บริษัท คาเฟ่ ฮับ จำกัด (Café Hub Sdn. Bhd.) พันธมิตรทางธุรกิจในประเทศมาเลเซีย

ร่วมพิธีเปิดร้านคาเฟ่ อเมซอน จำนวน 2 สาขา ในรัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย อย่างเป็นทางการ ได้แก่ สาขาเกอร์นี่ ไดรฟ์ (Gurney Drive) ซึ่งเป็นสาขาแรกบนเกาะปีนัง (Penang Island) และสาขาออโต้ ซิตี้ (Auto City)

โดยถือเป็นอีกก้าวสำคัญของคาเฟ่ อเมซอน ในประเทศมาเลเซีย ต่อเนื่องจากความสำเร็จของ การเปิดสาขา ซันเวย์ คาร์นิวัล มอลล์ (Café Amazon Sunway Carnival Mall) ในรัฐปีนัง เมื่อปี 2566 โดยทั้งสามสาขาได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากผู้บริโภคชาวมาเลเซีย สะท้อนถึงโอกาสการเติบโตของแบรนด์คาเฟ่ อเมซอน ในตลาดต่างประเทศ

ศิรุวัฒน์ ชัชวาลย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจแบรนด์ไทย บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราได้มีโอกาสร่วมงานกับ โรงชาชงดี ร้านชาใต้แท้ๆ ที่มีความเชื่อมั่นในพลังคุณค่าของวัตถุดิบ และพลังของชุมชนท้องถิ่นเช่นเดียวกัน สู่การคอลแลบที่ดึงศักยภาพของวัตถุดิบท้องถิ่นชื่อดังจากจังหวัดต่างๆ ออกมาอวดโฉมในรูปแบบใหม่ กับ 4 เมนูพิเศษที่เผยเอกลักษณ์ ชูความเชี่ยวชาญเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นที่ดี มาพัฒนาสูตรของหวาน และเครื่องดื่ม ที่มีความอร่อย เข้าถึงได้ง่าย สั่งทานได้เรื่อยๆ ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ได้เป็นอย่างดี

สุรีย์พร พูนศักดิ์ไพศาล และชัชวาล ลิมปธนวรรษ ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ชงดีพูนผล จำกัด กล่าวว่า โรงชาชงดี ร้านชาใต้แท้ๆ มีคาแรกเตอร์โดดเด่น มีความทันสมัย และปรับรสชาติให้มีความหลากหลาย เราเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ จนเป็นกระแสบนโซเชียล และได้รับความนิยมจากกลุ่มคนที่ชื่นชอบการดื่มชาใต้ ตอกย้ำความเป็นโลคัลแบรนด์คุณภาพจากหาดใหญ่อย่างแท้จริง เพราะเราตั้งใจคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ตั้งแต่การคัดใบชา และวัตถุดิบอื่นๆ ที่นำมาเป็นส่วนประกอบ

อีกทั้งยังให้ความใส่ใจพิถีพิถันในทุกกระบวนการของการรังสรรค์ในทุกเมนู ทั้งเมนูในร้าน และเมนูที่เรารังสรรค์ขึ้นใหม่ในแคมเปญคอลแลบครั้งนี้ ภายใต้คอนเซปต์เดียวกันคือ The charms of Local taste simple, but timeless กลายเป็นเมนูที่เข้าถึงง่าย รสชาติคุ้นเคย นำมาผสมผสานกับวัตถุดิบพิเศษจากท้องถิ่น ถือเป็นการการันตีความอร่อยแบบลงตัวเลยทีเดียว โดยมีคอลแลบ4 เมนูพิเศษ ได้ตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. 67 – 15 ส.ค. 67 เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการดังนี้

ชาชงดีกาแฟ ลาวญวน : เมนูที่ดึงเสน่ห์ของแบรนด์ ลาวญวน นำเสนอผ่านกาแฟเวียดนาม มาผสมผสานกับเมนู ชาชงดีซิกเนเจอร์ ของโรงชาชงดี ได้อย่างลงตัว มีกลิ่นหอมพิเศษของชาและรสชาติเข้มข้นของเมล็ดกาแฟ ทำให้เมนูนี้ออกมาชัดเจน ทั้งกลิ่นและรสแบบสมบูรณ์

บ๊วยส้มมะปี๊ด : ส้มมะปิ๊ด ผลไม้สุดจี๊ดจากจันทบุรี มีรสเปรี้ยวคล้ายมะนาว แต่มีความหอมของกลิ่นส้ม ตัดกับรสเค็มหวานของบ๊วย ให้ความสดชื่น เหมาะกับเมนูรสจัดจ้านของทั้งร้านตำมั่วและลาวญวนได้อย่างลงตัว

เก๊กฮวยลอนตาลมะพร้าวอ่อน : ลอนตาล ของดีจากเพชรบุรี คัดสรรส่วนที่ดีที่สุดมาทำเมนู เพราะหากอ่อนไปจะติดเปรี้ยว แต่แก่ไปจะไม่อร่อย นำมาผสมกับน้ำเก๊กฮวยและชามะลิที่มีความหอมอ่อนๆ เพิ่มเนื้อสัมผัสของมะพร้าวอ่อน เนื้อกรุบกรอบ เข้ามาเติมความอร่อยไปอีกขั้น

เฉาก๊วยหอมหมื่นลี้ – ชานม : เนื้อของเฉาก๊วยและวุ้นหอมหมื่นลี้แบบโฮมเมด เติมชาชงดีซิกเนเจอร์ที่ถูกปรับสูตรให้เข้ากับเมนูขนมหวาน มีความมันนัวขึ้น เสิร์ฟพร้อมถั่วแดง รากบัว เม็ดแปะก๊วยที่เชื่อมเองด้วย