หากจะโฆษณาแบบเดิมๆ เห็นจะไม่ได้อีกต่อไป เพราะด้วยทุกวันนี้ “ผู้บริโภค” เปลี่ยนใจเร็ว ไม่ยึดติดกับแบรนด์ ซึ่งนับเป็นโอกาสและความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ที่แบรนด์จะอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป สะท้อนให้เห็นว่านี่ “หมดยุคการเป็นเสือนอนกิน” แล้วหรือไม่? โดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง ยิ่งต้องปรับตัวทั้งเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดเดิม และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่
ทำให้ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างรุกขึ้นมาสร้างบัลลังก์ความครีเอต อย่างการ “ปลุกชีพโฆษณา” จนกลายไวรัลบนโลกโซเชียล พร้อมกับคำถามที่ว่า “นี่คือของจริงหรือ?” เพราะด้วยการนำเอา CGI หรือ Computer Generated Imagery เทคโนโลยีสุดล้ำมาผนวกเข้ากับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ก็สร้างความฮือฮาถึง “ความครีเอต” ที่แตกต่างกับการโฆษณาแบบดั้งเดิม
ไม่ว่าจะเป็น มาสคาร่าเมย์เบลลีนปัดขนตารถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอน, สกินแคร์ L'Oreal ในตู้กดยักษ์ หรือแม้กระทั่ง กระเป๋า jacquemus ใบใหญ่ วิ่งอยู่บนถนนกลางกรุงปารีส ซึ่งสามารถสร้างสีสัน เรียกยอดเอ็นเกจเมนต์ในโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการมาของ CGI จะเปลี่ยนภาพของ “สื่อนอกบ้าน” หรือ Out of Home ให้กลับมามีสีสันอีกครั้งบนโลกออนไลน์ ในวันที่ทุกคนสนใจแต่ Social Media
อยากปัง! ต้องใช้ “โฆษณา” ที่ยิ่งใหญ่และสมจริง
และก็เช่นเดียวกันกับ “คาราบาวแดง” เครื่องดื่มชูกำลังสัญชาติไทย ที่โลดแล่นอยู่ในตลาดมากว่า 22 ปี ในฐานะขวัญใจเบอร์ต้นๆ ของคนทุกอาชีพ ได้สลัดทิ้งภาพมายาคติแบบเดิมๆ จากแบรนด์รุ่นเก๋า สู่แบรนด์อินเทรนด์ ที่หยิบยก CGI มาใส่ไว้ใน แคมเปญ “บาวแดงช่วยคนไทยสร้างอาชีพปี 3” ชูหมัดเด็ด คือ กองทัพฝาลอยเข้าไปในกล่องชิงโชค ก่อนจะระเบิดออกมาเป็นของรางวัลอย่างทองแท่ง และรถมอเตอร์ไซค์ พร้อมกับมีขวดเครื่องดื่มคาราบาวแดงและคาราบาวคันโซตั้งตระหง่านอยู่บนร้าน ซีเจ มอร์
เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อยกับการเดิมเกมการตลาดหมากใหม่ของ “คาราบาวแดง” ซึ่งถือเป็นวิธีการสร้าง Attention Strategy ของแบรนด์ ที่จะต้องดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้ได้ตั้งแต่ต้น อย่างเช่น การทำ Ad ในครั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ ที่มีการทำภาพสินค้าให้ใหญ่เกินจริง ทั้งการวางขวดให้เด่นในจุดโฟกัสสายตา อีกทั้งการดึงร้านซีเจมาอยู่ในฉาก และการนำเอากล่องชิงโชคพร้อมกับบรรดากองทัพฝามาเป็น “แม็กเน็ต” เพื่อเรียกให้คนสนใจนั่นเอง
ขณะเดียวกันหากมองในอีกแง่มุมหนึ่ง การทำการตลาดของ “คาราบาวแดง” ในครั้งนี้ ได้มีการหยิบยกกลยุทธ์ “Marketainment” ที่นำการตลาดมาเชื่อมเข้ากับความสนุกสนาน ความบันเทิง แล้วผสานเข้ากับ CGI จนกลายมาเป็นโฆษณาบนโลกออนไลน์ที่มีความโดดเด่น และยากจะเลื่อนผ่าน
สร้าง Brand Awareness แบบง่ายๆ ผ่าน CGI
นั่นก็เพราะความแปลกใหม่ สมจริง ที่คาราบาวแดงได้ทำขึ้นมา คงอาจทำให้เกิดการตั้งคำถามจากผู้บริโภคได้ว่า “เกิดขึ้นจริงที่สาขาใด?” “อยากจะไปถ่ายเซลฟี่กับร้าน ซีเจ มอร์ ที่มีขวดอยู่ด้านบน” จนเกิดเป็นการบอกต่อ กลายเป็น Awareness นำมาซึ่งการค้นหาคำตอบ และจดจ่อกับการโฆษณานั้นมากขึ้น ซึ่งตรงจุดนี้เองจะทำให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมกับแบรนด์เพิ่มขึ้นในที่สุด เพราะด้วยความที่ผู้บริโภคยุคใหม่ไม่ชอบถูกยัดเยียด ไม่ชอบอะไรที่เดิมๆ ต้องการความแปลกใหม่ ดังนั้นการจะดึงดูดความน่าสนใจ สิ่งสำคัญ คือ จะต้องสร้างความเพลิดเพลิน หรือความประทับใจ ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงจะเกิดการกระตุ้นให้มีส่วนร่วม แล้วนำมาซึ่งการเข้าถึงแบรนด์ในที่สุด
ดังนั้นหากจะกล่าวได้ว่า “คาราบาวแดง” ก้าวมาอีกขั้น คงจะไม่ผิดเพี้ยน เพราะทั้งมีแคมเปญเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า รวมถึงยังมีทีม “สาวบาวแดง” สร้างสีสัน สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคและแบรนด์ มาจนถึงปัจจุบันที่มีหันมาทำการตลาดแบบใหม่ อย่าง CGI ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ยอดนิยมก็ถือได้ว่า “คาราบาวแดง” มีการปรับตัวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ในอนาคต “คาราบาวแดง” จะมีกลยุทธ์หมัดเด็ดอะไรออกมาช่วงชิงกำลังซื้อ และดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคอีกบ้าง แต่ที่แน่ๆ คงจะว้าวไม่แพ้ CGI ตัวนี้อย่างแน่นอน