เบอร์เกอร์คิง (Burger King) ย้ำภาพการเป็นผู้นำตลาดธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคครบครันทั้งคนไทยและต่างชาติ เดินหน้ากลยุทธ์ทางการตลาด “เบอร์เกอร์คิง ไทย ซีรีส์” ต่อเนื่อง ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “ลิ้นไทยต้องรสไทยแท้” ที่มุ่งเน้นเจาะฐานกลุ่มผู้บริโภคเพิ่ม ผ่านการนำเสนอเมนูใหม่ล่าสุด “เบอร์เกอร์หมูกระทะ” เมนูเบอร์เกอร์ใหม่ที่พัฒนามาจากอินไซต์ของผู้บริโภคคนไทยที่ชื่นชอบการรับประทานหมูกระทะ เดือนละ 1-2 ครั้ง โดยเฉพาะวันหวยออกที่คนไทยมีการพูดถึงหมูกระทะมากกว่า 26%
เจริญชัย บำรุงวงศ์ทอง Marketing Director และ คุณชนินทร์ นาคะรัตนากร Senior Digital Marketing Manager บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2567 เบอร์เกอร์คิง ยังคงตั้งเป้ามุ่งหน้าสู่การเป็นผู้นำตลาดธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนแนวหน้าของประเทศ ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุม
ซึ่งไฮไลต์ของปีนี้เน้นการทำตลาดเพื่อเจาะฐานผู้บริโภคคนไทย ผ่านกลยุทธ์การตลาด “เบอร์เกอร์คิง ไทย ซีรีส์” ด้วยการส่งแคมเปญใหม่ “ลิ้นไทยต้องรสไทยแท้” ที่เน้นนำเสนอเมนูรสชาติถูกปากคนไทย ด้วยการเปิดตัว “เบอร์เกอร์หมูกระทะ” ซึ่งถือว่ามีดีมานด์ที่น่าสนใจ และตรงกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ต้องการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความแปลกใหม่
โดยมีจุดเด่นอยู่ที่หมูย่างชิ้นโต ที่นำไปย่างด้วยเตาไฟอันเป็นซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิง ที่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นเนื้อวัวแทนได้ มาพร้อมซอสสูตรพิเศษเหมือนได้ทานเมนูหมูกระทะจากหน้าเตาในบรรยากาศสไตล์ฟิวชัน โดยมีให้เลือก 2 เมนู ได้แก่ ซิงเกิ้ล หมูกระทะ เบอร์เกอร์ ราคา 89 บาท และดับเบิ้ล หมูกระทะ เบอร์เกอร์ ราคา 149 บาท ที่จะมาตอบโจทย์ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน
นอกจากนี้ยังมีเมนูพิเศษข้าวหมูย่างซอสหมูกระทะ ที่มาในราคาเพียง 79 บาท โดยเมนูดังกล่าวเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2567 จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ร้านเบอร์เกอร์คิงทุกสาขา (ยกเว้นสาขาท่าอากาศยานและสาขาท่องเที่ยว)
“การจะไปกินหมูกระทะมันจะมีข้อจำกัดอย่างที่รู้กันคือ ผมเหม็น หรือการฉีดโบท็อกซ์ ที่ห้ามโดนความร้อน กลายเป็นว่าหมูกระทะโดนตัดออกจากสารบบ จึงเกิดเป็นการแก้เพนพอยต์สำหรับคนที่อยากกินหมูกระทะในรูปแบบใหม่ๆ โดยมีเบอร์เกอร์เป็นตัวชูโรง”
ส่วนสินค้าขายดี 3 อันดับแรก คือ เบอร์เกอร์วอปเปอร์ ไก่ทอด และของทานเล่น สำหรับมูลค่าตลาดเบอร์เกอร์ในไทย ปี 2567 อยู่ที่ 9,500 ล้านบาท เติบโต 8.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเบอร์เกอร์คิงโตดับเบิลดิจิต ทั้งนี้ สัดส่วนลูกค้าคนไทยอยู่ที่ 60% อีก 40% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยมีการใช้จ่ายต่อบิลอยู่ที่ 300 บาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 290 บาทต่อบิล
ด้านจำนวนสาขาปัจจุบันมีประมาณ 123 สาขา โดย 70% อยู่ในกรุงเทพฯ 20% เป็นภูเก็ต และอื่นๆ 10% สำหรับกลยุทธ์ไทยซีรีส์ของเบอร์เกอร์คิงที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอเมนูรสชาติถูกปากคนไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เมนูโจ๊ก เมนูไก่ทอดหาดใหญ่ หรือเมนูของหวานอย่างพายขนมครก
นอกจากการนำเสนอเมนูเบอร์เกอร์ใหม่ ยังได้ต่อยอดเมนูสุดฮิต ไก่ทอดหาดใหญ่โคตรหอมเจียว ที่ได้เพิ่มปริมาณหอมเจียวมากขึ้นถึง 3 เท่า ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันยังได้รับกระแสตอบรับดี ควบคู่กับการทำกิจกรรมการตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง โดยพบว่า ไตรมาส 1/67 แบรนด์สามารถสร้างการรับรู้เพิ่มขึ้นเป็น 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 45%
“จากการดำเนินกลยุทธ์ภายใต้แคมเปญ “ลิ้นไทยต้องรสไทยแท้” ทำให้เบอร์เกอร์คิงมีฐานผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 10% จำนวนการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งแคมเปญนี้จะเป็นอีกหนึ่งแคมเปญที่จะมาช่วยต่อยอดขยายฐานผู้บริโภคให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าปี 2567 จะสามารถขยายฐานผู้บริโภคคนไทย 25%” เจริญชัย กล่าวทิ้งท้าย
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney