รู้จัก "One City Centre" ออฟฟิศ เกรด A+ ย่านเพลินจิต ที่ขึ้นแท่นว่าลักชัวรี่ และสูงที่สุดในไทย

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

รู้จัก "One City Centre" ออฟฟิศ เกรด A+ ย่านเพลินจิต ที่ขึ้นแท่นว่าลักชัวรี่ และสูงที่สุดในไทย

Date Time: 24 ม.ค. 2567 12:48 น.

Video

บรรยง พงษ์พานิช แกะปมเศรษฐกิจไทยโตต่ำ ฟื้นช้า พร้อมแนะทางออก

Summary

  • รู้จัก "One City Centre" หรือ อาคาร OCC ออฟฟิศ เกรด A+ ย่านเพลินจิต โปรเจกต์ยักษ์ ร่วมทุน ไทย-ญี่ปุ่น มูลค่า 8.8 พันล้านบาท ที่ขึ้นแท่น ลักชัวรี่ และสูงสุดในไทย จากพื้นดิน 275.76 เมตร นำทีมบริหาร โดยไฮไซชื่อดัง “กรณ์ ณรงค์เดช” แห่งไรมอนแลนด์ กับจุดเด่น ที่เป็นมากกว่า สถานที่ทำงาน สู่ ไลฟ์สไตล์ออฟฟิศ และแลนด์มาร์กระดับเอเชีย เป้าหมายบริษัทข้ามชาติชั้นนำ ที่เปิดอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้

Latest


เรียกว่า เป็น "แลนด์มาร์ก" แห่งใหม่ของเอเชีย ก็คงไม่ผิดเพี้ยนมากนัก สำหรับโปรเจกต์ "One City Centre" หรือ OCC อาคารสำนักงานลักชัวรี่ ระดับ Grade A+ ที่ขึ้นแท่นว่า สูงที่สุดในประเทศไทย บนทำเลที่ดิน ชิดลม-เพลินจิต ที่แพงที่สุด เช่นเดียวกัน 

ซึ่งโปรเจกต์ยักษ์แห่งนี้ ไม่ได้เป็นของใครที่ไหน หากแต่มีไฮโซ และ นักธุรกิจชื่อดัง อย่าง “กรณ์ ณรงค์เดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไรมอนแลนด์ (RML) ที่ร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) ผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของญี่ปุ่น เป็นผู้บริหาร ด้วยมูลค่าโครงการ 8,800 ล้านบาท

ซึ่ง OCC ประกาศเปิดพื้นที่อย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ หลังได้รับความสนใจจากบริษัทข้ามชาติ เข้ามาเช่าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้สถานการณ์ ตลาดสำนักงานในประเทศไทย จะถูกประเมินว่า กำลังจะโอเวอร์ซัพพลายในเร็วๆ นี้ แต่ดูเหมือน OCC จะไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มดังกล่าวมากนัก ด้วยความต่าง และจุดขาย ที่มีอยู่ในตัวเอง 

อาคาร OCC กับตำแหน่ง "ออฟฟิศที่สูงสุดในไทย" 

สำหรับ อาคาร OCC มีความสูงจากพื้นดิน 275.76 เมตร จำนวน 61 ชั้น ทำให้ขึ้นแท่นว่าเป็นอาคารสำนักงาน หรือออฟฟิศ ที่สูงที่สุดในประเทศไทย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้เร็วๆ นี้ อาจถูกโค่นแชมป์ ด้วย อาคาร Signature Tower ของโปรเจกต์ ONE BANGKOK ที่ความสูงถูกตั้งเอาไว้ 90 ชั้น หรือ ราว 437 เมตร ‘OCC’ มีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมดประมาณ 61,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น

  • พื้นที่สำนักงานประมาณ 57,000 ตร.ม. (ราคาเช่า 1,500 บาท/ตร.ม.)
  • พื้นที่ค้าปลีก (รีเทล) ประมาณ 4,000 ตร.ม. 

ส่วนไฮไลต์สำคัญของอาคาร OCC ถูกหยิบยกว่า เป็นมากกว่าที่ทำงาน และกำลังก้าวสู่คำว่า “อาคารสำนักงานลักชัวรี่ที่มีไลฟ์สไตล์เต็มรูปแบบ” แห่งใหม่ของไทย และเป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่คนทำงานทั้งบริษัทชั้นนำของประเทศไทย และบริษัทข้ามชาติ ที่ตั้งใจ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศด้วย เนื่องจาก ภายใน OCC มี พื้นที่สำหรับแฮงเอาต์ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ชื่อดัง เช่น 

  • ร้านกรีน แอนด์ บีน (Green & Been) ซึ่งเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย โดยเป็นร้านคาเฟ่ที่โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟสุดพิเศษและวัตถุดิบชาเขียวพรีเมียม นำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการร่วมสร้างสรรค์โดยผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดังก้องโลกคือ ‘เชฟกากั้น อนันต์ ที่ครองตำแหน่งอันดับ 1 ของ Asia's 50 Best Restaurants ถึงสี่ปีซ้อน ร่วมกับ ‘เชฟแฝดชาวเยอรมันโธมัสและแมทธิอัส ซูห์ริง (Thomas & Mathias Sühring)’ ที่โด่งดังจากร้านอาหารเยอรมันที่เคยได้รับดาวมิชลิน และ ‘อนุพงศ์ คุตติกุล (Anupong Kuttikul)’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Carnival มัลติแบรนด์ช็อปและแบรนด์เสื้อผ้าสตรีทแวร์สัญชาติไทย
  • ร้านเอนิชิ (ENISHI) ราเมนที่คนญี่ปุ่นแนะนำ การันตีด้วย มิชลิน บิบ กูร์มองด์ ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ที่ OCC ในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้
  • ร้านซูชิ ชิมะโมโตะ (Sushi Shimamoto) ร้านโอมากาเสะชื่อดัง ซึ่งจะเปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทย ให้บริการในไตรมาส 2 นี้ 
  • ดีน แอนด์ เดลูก้า (DEAN & DELUCA)
  • โอ บอง แปง (Au Bon Pain) 
  • %อาราบิก้า (%Arabica) 
  • กาซาน่า (Ksana) 
  • แบลคโบบา สเปเชียลตี้ (BLK.BOBA Specialty) 
  • ลอว์สัน (Lawson) 
  • กินนี่ฟู้ด (Kinnie Food) 

ไฮไลต์อาคาร OCC อัครฯ เตรียมเปิด บาร์และห้องอาหารสุดหรู บนชั้นบนสุด 

นอกจากนี้ยังมีไฮไลต์สำคัญบนชั้น 61 และ 58 บาร์และห้องอาหารหรู ซึ่งจะเปิดให้บริการไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ โดยพัฒนาจากบริษัท อัคร ฮอสพิแทลลิตี้ จำกัด ผู้นำธุรกิจด้านอาหารและความบันเทิงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย 

“กรณ์ ณรงค์เดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน มีอัตราการเช่าพื้นที่สำนักงานจากบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและบริษัทชื่อดังในไทย ประมาณ 55% แต่ในขณะที่ อัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจากร้านค้าพรีเมียม พบว่าเกือบเต็มแล้ว อยู่ที่ประมาณ 90% เหลือเพียงไม่กี่ยูนิตเท่านั้น โดยคาดว่าอัตราการเช่าพื้นที่รีเทลจะเต็ม 100% ในปี 2567 

ซึ่งผู้เช่าพื้นที่ออฟฟิศ ส่วนใหญ่มากกว่า 60% เป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติ และบริษัทไทย ซึ่งล้วนเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นที่รู้จักในไทยจากหลากหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจเทคโนโลยี อีคอมเมิร์ซ, โค-เวิร์กกิ้งสเปซ ตลอดจนธุรกิจการเงิน และธุรกิจบริการ เช่น 

  • เดอะ บอสตัน คอนซัลติ้ง กรุ๊ป (ประเทศไทย)
  • แปซิฟิค ไพร์ม คอนซัลแตนท์ 
  • คอนสเตลเลชัน นอร์ด 
  • ดีแอลเอ ไปเปอร์ 
  • ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์
  • 10 บริดจ์ 
  • บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด 
  • บริษัท มารูเบนิ ประเทศไทย จำกัด 

รวมถึง จัสโค (JustCo) ผู้ให้บริการพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นชั้นนำของเอเชีย ตั้งอยู่บนชั้น 37 ถึง 40 ของอาคาร OCC โดย JustCo ได้เปิดให้บริการตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนในปีที่ผ่านมา โดยมีแผนต่อขยายพื้นที่ในอาคารภายในปี 2567 

เทรนด์เช่าออฟฟิศในไทย มาแรง ไล่ตามสิงคโปร์, ฮ่องกง 

ซีอีโอ ไรมอนแลนด์ ยังกล่าวว่า การเช่าพื้นที่ออฟฟิศ ในปีนี้ของประเทศไทย ยังเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง โดย 2 แรงดึงดูด ที่จะเป็นปัจจัยให้ลูกค้าเลือก คือ 1. โลเคชัน (ทำเลที่ตั้ง) และ 2. อาคารสีเขียว หรือ Green building แม้ภาพรวมจะมีความท้าทาย ในแง่ ดีมานด์ และซัพพลายใหม่ๆ ที่เตรียมเข้ามาทะลักในตลาด แต่สำหรับ เซกเมนต์ เกรด A ต่างออกไป และพบมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้น จากบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่ต้องการ หาไลฟ์สไตล์ ให้กับพนักงงานคนรุ่นใหม่ ซึ่งเปรียบเป็นการดึงดูดให้คนเก่งๆ มาร่วมงานกับบริษัทด้วย


“ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 เทรนด์การเปลี่ยนพื้นที่ หรือย้ายออฟฟิศ มีทั้งการมองหาขนาดพื้นที่ที่ลดลง และต้องการขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น เพื่อเว้นระยะห่างต่อกัน โดยเราเชื่อว่า รายละเอียดของอาคาร ที่ผนวกไลฟ์สไตล์ รองรับการทำงาน และพักผ่อน จะได้รับความนิยมสูงสุด และยังไม่เห็นภาวะโอเวอร์ซัพพลาย ในกลุ่มออฟฟิศเกรด A เนื่องจาก อาคารเหล่านี้ นอกจากจะเป็นพื้นที่ทำงานแล้ว ยังเป็นพื้นที่รับแขก ติดต่อ เจรจาทางธุรกิจที่สำคัญ ทำให้คาดว่าตลาดยังจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากความสำเร็จของ อาคาร OCC ที่มีหลายบริษัท กำลังตัดสินใจ ย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เป็นต้น”

โดยโปรเจกต์อสังหาริมทรัพย์ ได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง จากชาวต่างชาติ ซึ่งหากอันดับ 1 เป็นฮ่องกง และรองลงมา เป็นสิงคโปร์ ถัดมา ก็คือ ประเทศไทย โดยเฉพาะความคึกคักในอาคารระดับลักชัวรี่ ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท 


ทั้งนี้ อาคาร OCC ตั้งอยู่ในย่านเพลินจิต มีสกายวอล์กเชื่อมกับ BTS เพลินจิต ภายในอาคาร เน้น Reimagined Daily Work Rhythm ด้วยเทคโนโลยี Smart Building ที่ทันสมัย ตั้งแต่แอปพลิเคชันมือถือสำหรับเข้า-ออกอาคาร ระบบไร้สัมผัสภายในอาคาร ระบบเรียกลิฟต์ผ่านแอปพลิเคชันมือถือ ระบบจดจำเลขทะเบียนรถยนต์ และระบบการจ่ายเงินค่าที่จอดรถ 

อีกทั้ง OCC ออกแบบฟังก์ชันเพื่อการทำงาน และคำนึงถึงสุขภาวะที่ดีของผู้เช่า ด้วยจุดเด่น คือ ไม่มี ‘เสากลาง’ ออกแบบสำนักงานได้อย่างเต็มที่ เพิ่มปริมาณการจ่ายอากาศบริสุทธิ์ในพื้นที่มากกว่ามาตรฐานถึง 30% มีระบบการกรองอากาศแบบ MERV14 ซึ่งสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 กระจก 3 ชั้น กรองแสงแดด และกรองเสียงได้ เน้นใช้วัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและนอกอาคารกว่า 5,000 ตารางเมตร 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ